top of page

แนะนำ 5 วิธีเปิด “ร้านค้าออนไลน์” ให้แตะเงินล้าน✨


แนะนำ 5 วิธีเปิด “ร้านค้าออนไลน์” ให้แตะเงินล้าน✨  การขายของออนไลน์นั้นดีกว่าการมีหน้าร้านตรงที่คุณไม่ต้องจ่ายค่าเช่าสถานที่และสามารถเข้าถึงลูกค้านับล้านได้ขณะที่นั่งทำงานสบาย ๆ อยู่ที่บ้าน อย่างไรก็ดี เพื่อที่จะได้ประสบความสำเร็จในธุรกิจออนไลน์ คุณต้องวางแผนอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนเริ่มทำธุรกิจไม่ต่างจากเวลาทำธุรกิจอื่นๆ โดยคุณต้องมีสินค้าที่ดึงดูดใจ เว็บไซต์ที่ใช้ง่าย และแผนการตลาดที่รัดกุม  อย่างไรก็ตาม แม้ร้านขายของออนไลน์ดูเหมือนจะทำง่ายและไม่ต้องลงทุนอะไรเยอะ แต่ถ้าคุณเริ่มต้นผิดก็ทำให้ชีวิตเปลี่ยนได้เช่นกัน สำหรับใครที่กำลังคิดจะเปิดร้านค้าออนไลน์ เรามีทริคดีๆมาแนะนำ เพื่อจะได้เริ่มต้นอย่างถูกต้องและประสบความสำเร็จกับ 5 วิธีเริ่มเปิดร้านค้าออนไลน์ดังต่อไปนี้   1. เลือกสินค้าขายออนไลน์อย่างชาญฉลาด ถ้าคุณคิดจะขายของออนไลน์ คุณก็คงจะรู้อยู่แล้วล่ะว่าจะขายอะไรดี แต่ต้องจำไว้เสมอนะว่าถึงของบางอย่างจะขายคล่องบนอินเตอร์เน็ตแต่บางอย่างก็ขายยากหากลูกค้าไม่สามารถเห็นของจริงได้ อย่างไรก็ตาม คุณต้องมั่นใจในคุณค่าของสินค้าที่คุณขาย ไม่อย่างนั้น คุณก็จะไม่สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ สิ่งที่ยากที่สุดในการเริ่มเปิดร้านค้าออนไลน์ก็คือ การเลือกสินค้าที่จะขาย “จะเลือกสินค้าอะไรมาขายออนไลน์ล่ะ ?” หรือ “จะรู้ได้ไงว่าจะขายอะไรดี ? คุณอาจจะเลือกเป็น  - เป็นสินค้าที่คุณชื่นชอบ สามารถเลือกได้จากสิ่งที่เป็นงานอดิเรกของคุณ และจำไว้ว่ายิ่งเป็นสินค้าที่แปลกใหม่และมีกลุ่มลูกค้าเล็กเท่าไหร่ จะยิ่งดีต่อร้านค้าออนไลน์ของคุณมากกว่า  - เป็นสินค้าที่ทำกำไร แน่นอนว่าทุกคนที่ทำธุรกิจต่างก็อยากได้กำไรกันทั้งนั้น ดังนั้นคุณต้องเลือกสินค้าที่มีผลตอบแทนดี และคำนวณค่าจัดส่ง ค่าแพ็คสินค้า และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้ดี จากนั้นก็ดูสิว่า สินค้าที่คุณอยากขายออนไลน์นั้นจะทำกำไรให้กับคุณได้มาก–น้อยแค่ไหน  - เป็นที่ต้องการในท้องตลาด พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์หลายคนขายของออนไลน์โดยที่ไม่ได้ศึกษาเลยว่า สินค้าที่ขายนั้นเป็นที่ต้องการของลูกค้าหรือเปล่า จึงไม่น่าแปลกใจที่การขายของจะชะลอตัว เพราะฉะนั้นต้องศึกษาข้อมูลและเลือกสินค้าที่เป็นที่ต้องการในท้องตลาดเท่านั้น  - เป็นสินค้าที่ไม่มีการแข่งขันสูงเกินไป รู้หรือไม่ว่าสินค้าที่มีการแข่งขันสูงจะทำให้คุณทุนหายกำไรหดไปในที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีคนขายมากกว่าคนซื้อ ดังนั้นถ้าไม่อยากขาดทุนและขายของออนไลน์ให้รอด จะต้องเลือกสินค้าที่ไม่มีการแข่งขันสูงมากเกินไป  2. เลือกซัพพลายเออร์ที่น่าเชื่อถือ การเลือกซัพพลายเออร์ คู่ค้า หรือว่าผู้จัดส่งสินค้า ถือเป็นขั้นตอนที่ใช้เวลามากที่สุดรองลงมาจากการเลือกสินค้า เพราะคุณจะต้องศึกษาข้อมูลให้ละเอียดถี่ถ้วนเพื่อจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ และคุณก็จะต้องแน่ใจว่าได้ซัพพลายเออร์ที่ใช่สำหรับร้านค้าออนไลน์ของคุณจริง ๆ ซึ่งหลักการเลือกซัพพลายเออร์เบื้องต้นที่คุณจะต้องคำนึงถึงก็มีดังนี้ :-  - การหาซัพพลายเออร์ที่เป็นร้านขายส่ง ในการหาข้อมูลทุกอย่างนั้น เราเชื่อว่า Google คือสิ่งแรกที่ทุกคนนึกถึง แต่อย่าลืมว่าบางทีร้านขายส่งที่มีชื่อเสียงและเชื่อได้ก็ไม่มีเวลาอัพเดตข้อมูลร้านหรือทำการตลาด เพราะฉะนั้นการหาร้านค้าส่งออนไลน์จึงเป็นเรื่องยาก หรือถ้าไปดูหน้าเว็บ เว็บของร้านขายส่งที่ว่านี้ก็อาจจะดูไม่น่าเชื่อถือสักเท่าไหร่ ดังนั้นเราขอแนะนำให้ศึกษาข้อมูลในโลกออฟไลน์ ซึ่งคุณอาจจะสอบถามคนที่ขายของหรือไปตามงานอีเว้นท์ต่าง ๆ ดู  - การหาซัพพลายเออร์ที่เป็นโรงงานผลิต คุณสามารถหาโรงงานผลิตสินค้าได้จาก Google หรือสอบถามผู้รู้ได้อีกเช่นกัน ซึ่งถ้าจะให้ดีต้องเปรียบเทียบราคาแต่ละเจ้า ไปดูที่โรงงาน ทดสอบคุณภาพสินค้าและบริการ จงจำไว้เสมอว่าคู่ค้าที่ดีคือส่วนสำคัญที่จะช่วยให้คุณเริ่มเปิดร้านค้าออนไลน์ได้อย่างราบรื่นและปวดหัวน้อยที่สุด เพราะฉะนั้นต้องเลือกให้ดี  หนึ่งในขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการขายของออนไลน์ก็คือ การเลือกซัพพลายเออร์หรือคู่ค้า ดังนั้นเมื่อเลือกสินค้าได้แล้ว คุณจะต้องมองหาซัพพลายเออร์ก่อนที่จะเริ่มต้นขายของออนไลน์ และคุณก็จำเป็นต้องเลือกคู่ค้าหรือผู้จัดส่งสินค้าที่น่าเชื่อถือเท่านั้น  3. เริ่มต้นขายของออนไลน์อย่างถูกต้อง เลือกของมาขายและได้ซัพพลายเออร์แล้ว คราวนี้ก็ถึงเวลาเริ่มเปิดร้านค้าออนไลน์สักที ซึ่งในขั้นตอนนี้คุณจำเป็นต้องจัดการร้านและทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามกฎหมาย ทีนี้จะรู้ได้ยังไงว่าคุณเริ่มต้นขายของออนไลน์อย่างถูกต้องหรือว่ามาถูกทางแล้ว ง่าย ๆ เลย แค่พิจารณาตาม 4 ขั้นตอนดังต่อไปนี้ :-  - ตั้งชื่อร้านค้าออนไลน์ เลือกชื่อร้านที่คุณชอบและฟังแล้วติดหู และต้องเป็นชื่อร้านที่คุณสามารถโปรโมทได้อย่างภาคภูมิใจ อย่าตั้งชื่อร้านที่มีความหมายเชิงลบ  - ลงทะเบียนร้าน หากคุณเลือกที่จะขายของออนไลน์จริงจังและไม่อยากขายของในเฟส ไลน์ หรือว่าไอจีเพียงอย่างเดียว คุณจะต้องจดทะเบียนร้านค้าออนไลน์ (ecommerce) เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจออนไลน์ของคุณ  - ทำเรื่องเสียภาษี สำหรับพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของออนไลน์และไม่ได้จดทะเบียนในรูปแบบของบริษัท จะต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จัดเป็นเงินได้ประเภทที่ 8 หรือเงินได้จากการค้าขาย โดยต้องยื่นเสียภาษี 2 ช่วงคือ ยื่นภาษีสิ้นปี เดือน ม.ค. – มี.ค. (เป็นการสรุปรายได้รวมทั้งหมดของปีที่ผ่านมา) และยื่นภาษีกลางปี เดือน ก.ค. – ก.ย. (เป็นการสรุปรายได้ในช่วงครึ่งปีภาษีแรก ค่าลดหย่อนบางรายการจะถูกหักเหลือครึ่งหนึ่ง)  - เพิ่มช่องทางการจ่ายเงินสำหรับลูกค้า เว็บขายของออนไลน์ของคุณจะต้องมีช่องทางการชำระเงินที่หลากหลายเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้ามากที่สุด คือ ควรจะรองรับทั้งเครดิตการ์ดและอีเพย์เมนต์ (e-payment) เช่น การโอนเงินระหว่างธนาคาร mobile banking และ online banking  4. เลือกช่องทางที่มีโอกาสเพิ่มยอดขาย จากการศึกษาของ Priceza นั้นพบว่าช่องทางที่คนไทยซื้อของออนไลน์มากที่สุดแบ่งเป็น 3 แพลตฟอร์ม คือ - Social Media – 40% ส่วนใหญ่เป็น social commerce และการแชทพูดคุยกับพ่อค้าแม่ค้าโดยตรง - E-marketplace – 35% จากเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซรายใหญ่อย่าง Lazada, Shopee และ JD - E-Tailer – 25% เป็นเว็บขายสินค้าของร้านค้าปลีกที่มีหน้าร้านอยู่แล้ว เช่น Central, Tesco Lotus, Big C และ King Power เป็นต้น  จะเห็นได้ว่าคุณสามารถเลือกขายได้ 2 ช่องทางตามข้างบน คือเลือกขายผ่านโซเชียลมีเดียและฝากขายบนเว็บอีคอมเมิร์ซเจ้าดัง เช่น Lazada, Shopee หรือเว็บอื่น ๆ ซึ่งถ้าคุณต้องการขายกับแพลตฟอร์มอื่น ๆ นั้นต้องพิจารณาตามหลักต่อไปนี้ :- - จำนวนผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์ม ยิ่งมีจำนวนผู้ใช้งานมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสในการขายมากเท่านั้น - จำนวนผู้ขายบนช่องทางนั้น ๆ สำหรับข้อนี้แล้วต้องบอกว่า ยิ่งมีคนขายมากเท่าไหร่ การแข่งขันก็ยิ่งสูง ดังนั้นชั่งน้ำหนักจำนวนผู้ใช้งานและจำนวนคนขายให้ดี ๆ - ค่าธรรมเนียม ค่าธรรมเนียมในการขายสินค้าส่งผลต่อกำไรของคุณ เพราะฉะนั้นเปรียบเทียบค่าธรรมเนียมของแต่ละแพลตฟอร์มและคำนวณให้ดีว่าขายกับช่องทางไหนคุ้มค่าและได้ผลประกอบการที่น่าพอใจที่สุด - ความน่าเชื่อถือ เลือกแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือแลละวางใจได้เพื่อการันตีลูกค้าและยืนยันว่าคุณจะไม่ผิดหวังเมื่อในระยะยาว - ความยืดหยุ่น บางเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซหรือโซเชียลมีเดียบางอันก็อาจจะมีข้อจำกัดหรือกฎเกณฑ์มากจนอัพเดตไม่ทัน และบางทีคุณก็อาจเผลอทำผิดกฎจนโดนระงับบัญชีผู้ใช้งานได้ เพราะฉะนั้นการมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองจึงดีที่สุด เพราะคุณสามารถออกแบบเว็บไซต์ได้เองและทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ  5. ทำกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ให้ตรงใจกลุ่มลูกค้า ขั้นตอนการโปรโมทหรือทำการตลาดกันแล้ว เพราะจริงอยู่ที่คุณเลือกขายของออนไลน์กับเว็บดัง โซเชียลมีเดีย หรือว่ามีเว็บเป็นของตัวเอง แต่คุณก็ไม่สามารถนิ่งนอนใจและรอรับเงินเข้าร้านหากคุณไม่วางแผนการตลาด และเราก็ได้รวบรวมเทคนิคทำการตลาดที่จะช่วยเรียกลูกค้าเก่าและใหม่ ดังนี้ :-  - ขายสินค้าที่ดีและมีคุณภาพ ใครจะอยากซื้อสินค้าที่ไม่ตรงปกล่ะ จริงไหม? เพราะฉะนั้นคุณภาพของสินค้าจึงเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญในการขายของออนำไลน์ของคุณ  - รูปภาพต้องคมชัดระดับ HD เท่านั้น ในการซื้อของออนไลน์นั้น ลูกค้าไม่สามารถจับต้องสินค้าจริง ๆ ได้ คุณจึงต้องอัพโหลดภาพสินค้าที่คมชัดระดับ HD เท่านั้น และอัพโหลดภาพสินค้าให้ครบทั้งด้านหน้า ด้านหลัง และด้านข้าง เพราะสิ่งนี้จะช่วยให้ร้านของคุณน่าเชื่อถือและช่วยให้ลูกค้าช้อปได้อย่างอุ่นใจมากยิ่งขึ้น  - เปิดรับความคิดเห็นของลูกค้า เมื่อสินค้าของคุณดีและมีคุณภาพแล้ว ลูกค้าก็จะถูกใจและมีแนวโน้มรีวิวสินค้าในเชิงบวกมากขึ้น และสิ่งนี้เองที่จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและช่วยให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายมั่นใจในร้านค้าออนไลน์ของคุณมากยิ่งขึ้น  - โปรโมทร้านค้าออนไลน์ คุณสามารถโปรโมทร้านและทำให้ร้านเป็นที่รู้จักได้ฟรี ๆ บน Facebook, LINE, Instagram, LinkedIn, Pinterest และ Twitter ซึ่งเคล็ดลับในการเริ่มต้นก็คือ แชร์ภาพและเนื้อหาที่น่าสนใจเพื่อดึงดูดลูกค้ากลุ่มเป้าหมายพร้อมกับสร้าง engagement  - ส่งตรงโปรโมชั่น ไม่ว่าจะยุคหรือสมัยไหน คำว่า “ส่วนลด”, “โปรโมชั่น”, “แถม” หรือ “ฟรี” ก็ยังเป็นคำที่มีพลังและดึงดูดลูกค้าได้เป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นอย่าลืมวางแผนโปรโมชั่นสินค้าและส่งตรงไปยังอีเมลหรือเบอร์มือถือลูกค้าของคุณ แล้วยอดขายของร้านค้าออนไลน์ของคุณก็จะดีขึ้นแน่นอน !  ----------------------------------------------------------------------------------- สนใจบริการดูแลการตลาดออนไลน์ | ทำการตลาดออนไลน์ | ทำกราฟฟิคครบวงจร | สามารถติดต่อเราได้ตลอด  | รับสร้างแบรนด์  | รับทำการตลาดออนไลน์  | รับทำแผนการตลาดออนไลน์  | รับสร้างแบรนด์  | รับดูแล Facebook แฟนเพจ  | รับดูแล LINE OA    สามารถติดต่อเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง   รายละเอียดบริการดูแลการตลาดออนไลน์ >> https://www.chatstickmarket.com/langran  ตัวอย่าง ผลงานแบรนด์ต่างๆ ที่เราดูแลการตลาดออนไลน์ให้ >>https://www.chatstickmarket.com/portfolio  ------------------------------------------------------------------------------------  💙ปรึกษาทีมงานของเรา💙 📱Tel : 0840104252 📱0947805680 สายด่วนออฟฟิศ : 034-900-165 , 02-297-0811 (จันทร์-ศุกร์) 📨 Inbox : http://m.me/ChatStick.TH  ┏━━━━━━━━━┓ 📲 LINE: @chatstick ┗━━━━━━━━━┛ หรือคลิ๊ก https://goo.gl/KuzCpM  🎉รายละเอียดที่ http://www.chatstickmarket.com/langran  🎉ชมผลงานเราได้ที่ https://www.chatstickmarket.com/portfolio

แนะนำ 5 วิธีเปิด “ร้านค้าออนไลน์” ให้แตะเงินล้าน✨


การขายของออนไลน์นั้นดีกว่าการมีหน้าร้านตรงที่คุณไม่ต้องจ่ายค่าเช่าสถานที่และสามารถเข้าถึงลูกค้านับล้านได้ขณะที่นั่งทำงานสบาย ๆ อยู่ที่บ้าน อย่างไรก็ดี เพื่อที่จะได้ประสบความสำเร็จในธุรกิจออนไลน์ คุณต้องวางแผนอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนเริ่มทำธุรกิจไม่ต่างจากเวลาทำธุรกิจอื่นๆ โดยคุณต้องมีสินค้าที่ดึงดูดใจ เว็บไซต์ที่ใช้ง่าย และแผนการตลาดที่รัดกุม


อย่างไรก็ตาม แม้ร้านขายของออนไลน์ดูเหมือนจะทำง่ายและไม่ต้องลงทุนอะไรเยอะ แต่ถ้าคุณเริ่มต้นผิดก็ทำให้ชีวิตเปลี่ยนได้เช่นกัน สำหรับใครที่กำลังคิดจะเปิดร้านค้าออนไลน์ เรามีทริคดีๆมาแนะนำ เพื่อจะได้เริ่มต้นอย่างถูกต้องและประสบความสำเร็จกับ 5 วิธีเริ่มเปิดร้านค้าออนไลน์ดังต่อไปนี้


1. เลือกสินค้าขายออนไลน์อย่างชาญฉลาด

ถ้าคุณคิดจะขายของออนไลน์ คุณก็คงจะรู้อยู่แล้วล่ะว่าจะขายอะไรดี แต่ต้องจำไว้เสมอนะว่าถึงของบางอย่างจะขายคล่องบนอินเตอร์เน็ตแต่บางอย่างก็ขายยากหากลูกค้าไม่สามารถเห็นของจริงได้ อย่างไรก็ตาม คุณต้องมั่นใจในคุณค่าของสินค้าที่คุณขาย ไม่อย่างนั้น คุณก็จะไม่สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ สิ่งที่ยากที่สุดในการเริ่มเปิดร้านค้าออนไลน์ก็คือ การเลือกสินค้าที่จะขาย “จะเลือกสินค้าอะไรมาขายออนไลน์ล่ะ ?” หรือ “จะรู้ได้ไงว่าจะขายอะไรดี ? คุณอาจจะเลือกเป็น


- เป็นสินค้าที่คุณชื่นชอบ สามารถเลือกได้จากสิ่งที่เป็นงานอดิเรกของคุณ และจำไว้ว่ายิ่งเป็นสินค้าที่แปลกใหม่และมีกลุ่มลูกค้าเล็กเท่าไหร่ จะยิ่งดีต่อร้านค้าออนไลน์ของคุณมากกว่า


- เป็นสินค้าที่ทำกำไร แน่นอนว่าทุกคนที่ทำธุรกิจต่างก็อยากได้กำไรกันทั้งนั้น ดังนั้นคุณต้องเลือกสินค้าที่มีผลตอบแทนดี และคำนวณค่าจัดส่ง ค่าแพ็คสินค้า และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้ดี จากนั้นก็ดูสิว่า สินค้าที่คุณอยากขายออนไลน์นั้นจะทำกำไรให้กับคุณได้มาก–น้อยแค่ไหน


- เป็นที่ต้องการในท้องตลาด พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์หลายคนขายของออนไลน์โดยที่ไม่ได้ศึกษาเลยว่า สินค้าที่ขายนั้นเป็นที่ต้องการของลูกค้าหรือเปล่า จึงไม่น่าแปลกใจที่การขายของจะชะลอตัว เพราะฉะนั้นต้องศึกษาข้อมูลและเลือกสินค้าที่เป็นที่ต้องการในท้องตลาดเท่านั้น


- เป็นสินค้าที่ไม่มีการแข่งขันสูงเกินไป รู้หรือไม่ว่าสินค้าที่มีการแข่งขันสูงจะทำให้คุณทุนหายกำไรหดไปในที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีคนขายมากกว่าคนซื้อ ดังนั้นถ้าไม่อยากขาดทุนและขายของออนไลน์ให้รอด จะต้องเลือกสินค้าที่ไม่มีการแข่งขันสูงมากเกินไป


2. เลือกซัพพลายเออร์ที่น่าเชื่อถือ

การเลือกซัพพลายเออร์ คู่ค้า หรือว่าผู้จัดส่งสินค้า ถือเป็นขั้นตอนที่ใช้เวลามากที่สุดรองลงมาจากการเลือกสินค้า เพราะคุณจะต้องศึกษาข้อมูลให้ละเอียดถี่ถ้วนเพื่อจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ และคุณก็จะต้องแน่ใจว่าได้ซัพพลายเออร์ที่ใช่สำหรับร้านค้าออนไลน์ของคุณจริง ๆ ซึ่งหลักการเลือกซัพพลายเออร์เบื้องต้นที่คุณจะต้องคำนึงถึงก็มีดังนี้ :-


- การหาซัพพลายเออร์ที่เป็นร้านขายส่ง ในการหาข้อมูลทุกอย่างนั้น เราเชื่อว่า Google คือสิ่งแรกที่ทุกคนนึกถึง แต่อย่าลืมว่าบางทีร้านขายส่งที่มีชื่อเสียงและเชื่อได้ก็ไม่มีเวลาอัพเดตข้อมูลร้านหรือทำการตลาด เพราะฉะนั้นการหาร้านค้าส่งออนไลน์จึงเป็นเรื่องยาก หรือถ้าไปดูหน้าเว็บ เว็บของร้านขายส่งที่ว่านี้ก็อาจจะดูไม่น่าเชื่อถือสักเท่าไหร่ ดังนั้นเราขอแนะนำให้ศึกษาข้อมูลในโลกออฟไลน์ ซึ่งคุณอาจจะสอบถามคนที่ขายของหรือไปตามงานอีเว้นท์ต่าง ๆ ดู


- การหาซัพพลายเออร์ที่เป็นโรงงานผลิต คุณสามารถหาโรงงานผลิตสินค้าได้จาก Google หรือสอบถามผู้รู้ได้อีกเช่นกัน ซึ่งถ้าจะให้ดีต้องเปรียบเทียบราคาแต่ละเจ้า ไปดูที่โรงงาน ทดสอบคุณภาพสินค้าและบริการ จงจำไว้เสมอว่าคู่ค้าที่ดีคือส่วนสำคัญที่จะช่วยให้คุณเริ่มเปิดร้านค้าออนไลน์ได้อย่างราบรื่นและปวดหัวน้อยที่สุด เพราะฉะนั้นต้องเลือกให้ดี


หนึ่งในขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการขายของออนไลน์ก็คือ การเลือกซัพพลายเออร์หรือคู่ค้า ดังนั้นเมื่อเลือกสินค้าได้แล้ว คุณจะต้องมองหาซัพพลายเออร์ก่อนที่จะเริ่มต้นขายของออนไลน์ และคุณก็จำเป็นต้องเลือกคู่ค้าหรือผู้จัดส่งสินค้าที่น่าเชื่อถือเท่านั้น


3. เริ่มต้นขายของออนไลน์อย่างถูกต้อง

เลือกของมาขายและได้ซัพพลายเออร์แล้ว คราวนี้ก็ถึงเวลาเริ่มเปิดร้านค้าออนไลน์สักที ซึ่งในขั้นตอนนี้คุณจำเป็นต้องจัดการร้านและทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามกฎหมาย ทีนี้จะรู้ได้ยังไงว่าคุณเริ่มต้นขายของออนไลน์อย่างถูกต้องหรือว่ามาถูกทางแล้ว ง่าย ๆ เลย แค่พิจารณาตาม 4 ขั้นตอนดังต่อไปนี้ :-


- ตั้งชื่อร้านค้าออนไลน์ เลือกชื่อร้านที่คุณชอบและฟังแล้วติดหู และต้องเป็นชื่อร้านที่คุณสามารถโปรโมทได้อย่างภาคภูมิใจ อย่าตั้งชื่อร้านที่มีความหมายเชิงลบ


- ลงทะเบียนร้าน หากคุณเลือกที่จะขายของออนไลน์จริงจังและไม่อยากขายของในเฟส ไลน์ หรือว่าไอจีเพียงอย่างเดียว คุณจะต้องจดทะเบียนร้านค้าออนไลน์ (ecommerce) เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจออนไลน์ของคุณ


- ทำเรื่องเสียภาษี สำหรับพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของออนไลน์และไม่ได้จดทะเบียนในรูปแบบของบริษัท จะต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จัดเป็นเงินได้ประเภทที่ 8 หรือเงินได้จากการค้าขาย โดยต้องยื่นเสียภาษี 2 ช่วงคือ ยื่นภาษีสิ้นปี เดือน ม.ค. – มี.ค. (เป็นการสรุปรายได้รวมทั้งหมดของปีที่ผ่านมา) และยื่นภาษีกลางปี เดือน ก.ค. – ก.ย. (เป็นการสรุปรายได้ในช่วงครึ่งปีภาษีแรก ค่าลดหย่อนบางรายการจะถูกหักเหลือครึ่งหนึ่ง)


- เพิ่มช่องทางการจ่ายเงินสำหรับลูกค้า เว็บขายของออนไลน์ของคุณจะต้องมีช่องทางการชำระเงินที่หลากหลายเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้ามากที่สุด คือ ควรจะรองรับทั้งเครดิตการ์ดและอีเพย์เมนต์ (e-payment) เช่น การโอนเงินระหว่างธนาคาร mobile banking และ online banking


4. เลือกช่องทางที่มีโอกาสเพิ่มยอดขาย

จากการศึกษาของ Priceza นั้นพบว่าช่องทางที่คนไทยซื้อของออนไลน์มากที่สุดแบ่งเป็น 3 แพลตฟอร์ม คือ

- Social Media – 40% ส่วนใหญ่เป็น social commerce และการแชทพูดคุยกับพ่อค้าแม่ค้าโดยตรง

- E-marketplace – 35% จากเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซรายใหญ่อย่าง Lazada, Shopee และ JD

- E-Tailer – 25% เป็นเว็บขายสินค้าของร้านค้าปลีกที่มีหน้าร้านอยู่แล้ว เช่น Central, Tesco Lotus, Big C และ King Power เป็นต้น


จะเห็นได้ว่าคุณสามารถเลือกขายได้ 2 ช่องทางตามข้างบน คือเลือกขายผ่านโซเชียลมีเดียและฝากขายบนเว็บอีคอมเมิร์ซเจ้าดัง เช่น Lazada, Shopee หรือเว็บอื่น ๆ ซึ่งถ้าคุณต้องการขายกับแพลตฟอร์มอื่น ๆ นั้นต้องพิจารณาตามหลักต่อไปนี้ :-

- จำนวนผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์ม ยิ่งมีจำนวนผู้ใช้งานมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสในการขายมากเท่านั้น

- จำนวนผู้ขายบนช่องทางนั้น ๆ สำหรับข้อนี้แล้วต้องบอกว่า ยิ่งมีคนขายมากเท่าไหร่ การแข่งขันก็ยิ่งสูง ดังนั้นชั่งน้ำหนักจำนวนผู้ใช้งานและจำนวนคนขายให้ดี ๆ

- ค่าธรรมเนียม ค่าธรรมเนียมในการขายสินค้าส่งผลต่อกำไรของคุณ เพราะฉะนั้นเปรียบเทียบค่าธรรมเนียมของแต่ละแพลตฟอร์มและคำนวณให้ดีว่าขายกับช่องทางไหนคุ้มค่าและได้ผลประกอบการที่น่าพอใจที่สุด

- ความน่าเชื่อถือ เลือกแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือแลละวางใจได้เพื่อการันตีลูกค้าและยืนยันว่าคุณจะไม่ผิดหวังเมื่อในระยะยาว

- ความยืดหยุ่น บางเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซหรือโซเชียลมีเดียบางอันก็อาจจะมีข้อจำกัดหรือกฎเกณฑ์มากจนอัพเดตไม่ทัน และบางทีคุณก็อาจเผลอทำผิดกฎจนโดนระงับบัญชีผู้ใช้งานได้ เพราะฉะนั้นการมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองจึงดีที่สุด เพราะคุณสามารถออกแบบเว็บไซต์ได้เองและทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ


5. ทำกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ให้ตรงใจกลุ่มลูกค้า

ขั้นตอนการโปรโมทหรือทำการตลาดกันแล้ว เพราะจริงอยู่ที่คุณเลือกขายของออนไลน์กับเว็บดัง โซเชียลมีเดีย หรือว่ามีเว็บเป็นของตัวเอง แต่คุณก็ไม่สามารถนิ่งนอนใจและรอรับเงินเข้าร้านหากคุณไม่วางแผนการตลาด และเราก็ได้รวบรวมเทคนิคทำการตลาดที่จะช่วยเรียกลูกค้าเก่าและใหม่ ดังนี้ :-


- ขายสินค้าที่ดีและมีคุณภาพ ใครจะอยากซื้อสินค้าที่ไม่ตรงปกล่ะ จริงไหม? เพราะฉะนั้นคุณภาพของสินค้าจึงเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญในการขายของออนำไลน์ของคุณ


- รูปภาพต้องคมชัดระดับ HD เท่านั้น ในการซื้อของออนไลน์นั้น ลูกค้าไม่สามารถจับต้องสินค้าจริง ๆ ได้ คุณจึงต้องอัพโหลดภาพสินค้าที่คมชัดระดับ HD เท่านั้น และอัพโหลดภาพสินค้าให้ครบทั้งด้านหน้า ด้านหลัง และด้านข้าง เพราะสิ่งนี้จะช่วยให้ร้านของคุณน่าเชื่อถือและช่วยให้ลูกค้าช้อปได้อย่างอุ่นใจมากยิ่งขึ้น


- เปิดรับความคิดเห็นของลูกค้า เมื่อสินค้าของคุณดีและมีคุณภาพแล้ว ลูกค้าก็จะถูกใจและมีแนวโน้มรีวิวสินค้าในเชิงบวกมากขึ้น และสิ่งนี้เองที่จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและช่วยให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายมั่นใจในร้านค้าออนไลน์ของคุณมากยิ่งขึ้น


- โปรโมทร้านค้าออนไลน์ คุณสามารถโปรโมทร้านและทำให้ร้านเป็นที่รู้จักได้ฟรี ๆ บน Facebook, LINE, Instagram, LinkedIn, Pinterest และ Twitter ซึ่งเคล็ดลับในการเริ่มต้นก็คือ แชร์ภาพและเนื้อหาที่น่าสนใจเพื่อดึงดูดลูกค้ากลุ่มเป้าหมายพร้อมกับสร้าง engagement


- ส่งตรงโปรโมชั่น ไม่ว่าจะยุคหรือสมัยไหน คำว่า “ส่วนลด”, “โปรโมชั่น”, “แถม” หรือ “ฟรี” ก็ยังเป็นคำที่มีพลังและดึงดูดลูกค้าได้เป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นอย่าลืมวางแผนโปรโมชั่นสินค้าและส่งตรงไปยังอีเมลหรือเบอร์มือถือลูกค้าของคุณ แล้วยอดขายของร้านค้าออนไลน์ของคุณก็จะดีขึ้นแน่นอน !


-----------------------------------------------------------------------------------

สนใจบริการดูแลการตลาดออนไลน์ | ทำการตลาดออนไลน์ | ทำกราฟฟิคครบวงจร | สามารถติดต่อเราได้ตลอด | รับสร้างแบรนด์ | รับทำการตลาดออนไลน์ | รับทำแผนการตลาดออนไลน์ | รับสร้างแบรนด์ | รับดูแล Facebook แฟนเพจ | รับดูแล LINE OA สามารถติดต่อเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง

รายละเอียดบริการดูแลการตลาดออนไลน์

ตัวอย่าง ผลงานแบรนด์ต่างๆ ที่เราดูแลการตลาดออนไลน์ให้

------------------------------------------------------------------------------------


💙ปรึกษาทีมงานของเรา💙

📱Tel : 0840104252 📱0947805680

สายด่วนออฟฟิศ : 034-900-165 , 02-297-0811 (จันทร์-ศุกร์)

┏━━━━━━━━━┓

📲 LINE: @chatstick

┗━━━━━━━━━┛

หรือคลิ๊ก https://goo.gl/KuzCpM

🎉รายละเอียดที่ http://www.chatstickmarket.com/langran

🎉ชมผลงานเราได้ที่ https://www.chatstickmarket.com/portfolio

ดู 8 ครั้ง
CS_Redesign_คอนเทนต์เดิม2_2.png
CS_Redesign_คอนเทนต์เดิม3.png
Recent Posts
c24f0332fa3b87f8a304140403b893510_64100212_210625.jpg
244712625_300456528129611_2152723951836713111_n.jpg
5.png
4.png
Button Event สติกเกอร์.png
2.png
Button ChatStick Market.png
bottom of page