10 อันดับนักธุรกิจมหาเศรษฐี ร้านค้าปลีก ที่ประสบความสำเร็จ✨
10 อันดับนักธุรกิจมหาเศรษฐี ร้านค้าปลีก ที่ประสบความสำเร็จ✨
แม้ว่ายุคปัจจุบันนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจะมาทางสายเทคโนโลยีหรือ IT ที่ล้ำสมัยซะส่วนใหญ่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า นักธุรกิจสายร้านค้าปลีกก็มีชื่อติดโผอันดับมหาเศรษฐีที่รวยมากที่สุดเช่นกัน
อะไรที่ทำให้พวกเขารวยมากขนาดนี้ ? พวกเขามีข้อคิดในการใช้ชีวิตหรือมีวิธีการดำเนินธุรกิจอย่างไร ? เราได้รวบรวมข้อมูลให้ทุกคนได้อ่านกันค่ะ
ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลจาก Forbes/billionaires ณ วันที่ 31/5/2021 (วันที่บทความนี้ Published) ซึ่งอันดับมหาเศรษฐีและจำนวนเงินของพวกเขานั้นสามารถขึ้นลงได้ตลอดเวลาเนื่องจากหุ้นมีขึ้นมีลง
ฉะนั้นอันดับและจำนวนทรัพย์สินจะไม่ได้เหมือนเดิมตลอดนะคะ หากคนอ่านอยากทราบอันดับและจำนวนเงินของพวกเขาแบบเรียลไทม์สามารถเข้าไปดูได้ที่ The world’s real time billionaires by forbes ได้เลยค่ะ
✨10 นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
นักธุรกิจระดับโลก
นักธุรกิจที่เปิดร้านค้าปลีกและ สร้างแบรนด์ ขึ้นมาแล้วประสบความสำเร็จจนตอนนี้ร่ำรวยระดับโลกนั้นมีเยอะมาก ๆ แต่ละคนก็มี Story ที่แตกต่างกัน เราไปดูกันว่าแต่ละคนมีความน่าสนใจอย่างไร
1. SAM WALTON (แซม วอลตัน) - WALMART
นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในด้านร้านค้าปลีกคนแรกที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ Sam Walton บิดาแห่งการค้าปลีกในประวัติศาสตร์ของอเมริกัน เขาคือคนที่สร้าง Walmart ขึ้นมาและทำให้วอลมาร์ท กลายเป็นร้านค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลกอันดับ 1
จุดเด่น : จากเด็กที่ทำงานรีดนมวัว.. สู่เจ้าพ่อวงการค้าปลีกของสหรัฐอเมริกา
How it started : เมื่อตอนเด็ก ๆ แซมทำงานทุกอย่างที่เขาทำได้ เคยทำงานรีดนมวัวใส่ขวดไปส่งให้ลูกค้า เวลาว่างก็หารายได้เพิ่มอีกทางหนึ่งซึ่งคือการส่งหนังสือพิมพ์ รับจองโต๊ะเพื่อแลกกับมื้ออาหาร และทำงานอื่น ๆ อีกมากมายเพื่อหาเงินช่วยเหลือครอบครัว
Turning point : เก็บเงินที่หามาได้ไปซื้อแฟรนไชส์ร้านค้าปลีก Ben Franklin ใช้ทักษะกลยุทธ์ด้านราคาที่เขามีอยู่ทำให้ร้านเติบโต 3 เท่าภายใน 3 ปี จากนั้นก็บุกตลาดร้านค้าปลีกและเปิด Walmart ขึ้นในปี ค.ศ. 1962
How it’s going :
- Walmart มี 11,000 สาขา ใน 28 ประเทศทั่วโลก
- ได้รับการจัดอันดับ จากนิตยสาร Fortune ให้เป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลก 7 ปีซ้อน ตั้งแต่ ค.ศ. 2013-2019
- ลูกหลานของปู่แซมติดอันดับคนที่รวยที่สุดในโลกเยอะมาก โดยลูกทั้ง 3 คนของเขา
Alice Walton รวยที่สุดในโลกอันดับ 17 มีทรัพย์สิน 66.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
Jim Walton รวยที่สุดในโลกอันดับ 18 มีทรัพย์สิน 65 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
Rob Walton รวยที่สุดในโลกอันดับ 19 มีทรัพย์สิน 64.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนี้ยังมีหลานของเขาอีกหลายคนที่ติดอันดับคนรวยที่สุดในโลกและรวยที่สุดในอเมริกา ถ้านำทรัพย์สินของ Walton ทั้งหมดมารวมกัน พวกเขาจะกลายเป็นคนที่รวยที่สุดในโลกเลยทีเดียว
2. AMANCIO ORTEGA (อามันซิโอ ออร์เตกา) - ZARA
Amancio Ortega นักธุรกิจชาวสเปน เจ้าของ Inditex Group ที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจแบรนด์เสื้อผ้า Fast Fashion อย่าง ZARA แบรนด์ที่ทั่วโลกต่างรู้จักกันเป็นอย่างดี
จุดเด่น : จากเด็กที่เป็นลูกจ้างร้านขายเสื้อผ้าเล็ก ๆ .. สู่เจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าสุดฮอตที่ดังไปทั่วโลก
How it started : อามันซิโอเกิดให้หมู่บ้านเล็ก ๆ มีพ่อเป็นกรรมกรก่อสร้างรถไฟ มีแม่เป็นแม่บ้าน ด้วยความลำบากของครอบครัว เขาจึงออกจากโรงเรียนมาทำงานที่ร้านเสื้อผ้าเล็ก ๆ ที่มีชื่อว่า Gala
Turning point : เมื่อทำงานที่ร้านเสื้อผ้า เขาจึงได้เรียนรู้กระบวนการทอผ้า ตัดเย็บเสื้อผ้า สังเกตถึงความต้องการของคนบริเวณนั้น สั่งสมประสบการณ์ในวงการเสื้อผ้าและผ่านวิกฤตเศรษฐกิจมาจนกระทั่งในปี 1975 ก็ได้ถือกำเนิดร้านเสื้อผ้าที่ชื่อว่า
How it’s going :
- Inditex Group มีหลายแบรนด์อยู่ในเครือด้วยกัน เช่น Pull and Bear, Massimo Dutti Kiddy’s Class โดยมีสาขากระจายอยู่ทั่วโลก
- ความนิยมของ ZARA ถึงขนาดที่ว่า ไม่เคยการโฆษณา ไม่จ้างแบรนด์แอมบาสเดอร์เพื่อโปรโมท แต่ใช้การเลือก ทำเลร้านค้า ที่ดีที่สุดและจัดหน้าร้านให้ดึงดูดใจเพื่อเป็นการเรียกลูกค้าแทน
- Amancio Ortega รวยมากที่สุดในโลกอันดับ 11 มีทรัพย์สินราว ๆ 88.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ZARA ขึ้นมา
3. PHIL KNIGHT (ฟิล ไนท์) - NIKE
Phil Knight มหาเศรษฐีชาวอเมริกันผู้ก่อตั้งแบรนด์รองเท้าชื่อดัง Nike (ไนกี้) เขาเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในด้านของรองเท้ากีฬารวมถึงเครื่องแต่งกายที่เกี่ยวข้องกับกีฬาเป็นอย่างมาก
จุดเด่น : จากนักวิ่งมหาวิทยาลัยและนักบัญชี.. ผันตัวมาทำธุรกิจรองเท้าจนกลายเป็นแบรนด์ที่โด่งดังติดตลาดทั่วโลก
How it started : ฟิล ไนท์ เป็นลูกเจ้าของสำนักพิมพ์ แต่พ่อของฟิลไม่ต้องการให้เขาใช้เส้นสายเข้าไปทำงาน ช่วงซัมเมอร์ในวัยมัธยมฟิลจึงไปทำงานให้กับสำนักพิมพ์คู่แข่ง ซึ่งเขาทำงานในตำแหน่งนักข่าวกีฬา เมื่อเข้ามหาวิทยาลัย เขาได้เป็นนักวิ่งของมหา’ลัยจนคว้าแชมป์ในรายการ Varsity Letters หลายปีด้วยกัน
Turning point : ฟิลค้นหาตัวเองในช่วงที่กำลังศึกษาต่อปริญญาโท ว่านอกจากกีฬาแล้ว เขาชอบอะไรอีกบ้าง และเขาได้พบว่าเขาสนใจด้านธุรกิจ จึงได้หุ้นกับ Bill Bowerman โค้ชสมัยมหา’ลัยของเขาเพื่อนำเข้า Onitsuka Tiger มาขายในอเมริกา (และในระหว่างที่รอตัวอย่างรองเท้าที่ส่งมา เขาได้ทำงานเป็นนักบัญชีเพื่อเลี้ยงชีพไปพร้อม ๆ กัน)
เขาเป็นตัวแทนจำหน่ายรองเท้า Onitsuka Tiger ได้สักพัก แต่เกิดความไม่ลงรอยกันในภายหลังจึงยกเลิกสัญญา ฟิลจึงเริ่มคิดค้นผลิตรองเท้าเป็นแบรนด์ของตัวเอง ได้ชื่อมาว่า Nike
โดยในช่วงปี ค.ศ. 1983 ไนกี้โตขึ้น 3,000% ภายในเวลา 10 ปี จากการที่ใช้นักกีฬาชื่อดังเป็น Influencer ให้กับแบรนด์
How it’s going :
- Nike กลายเป็นแบรนด์รองเท้าอันดับต้น ๆ ที่มีชื่อเสียงทั่วโลก มีพรีเซนเตอร์เป็นนักกีฬาดัง ๆ ทั่วทุกแขนง ทั้งฟุตบอล, เทนนิส, บาสเกตบอล และอื่น ๆ
- Phil Knight วางมือทั้งหมดจากไนกี้เมื่อปี ค.ศ. 2016 ในวัย 80 ปี เพื่อใช้ชีวิตบั้นปลายกับครอบครัว แต่กระนั้นฟิลและครอบครัวยังเป็นคนที่รวยที่สุดในโลกอันดับที่ 25 และรวยเป็นอันดับที่ 17 ในสหรัฐอเมริกา มีทรัพย์สินราว 51 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
4. KARL ALBRECHT AND THEO ALBRECHT - ALDI
Karl Albrecht (คาร์ล อัลเบร็ชท์) และ Theo Albrecht (เทโอ อัลเบร็ชท์) สองพี่น้องนักธุรกิจชาวเยอรมันที่ประสบความสำเร็จในการเปิดร้าน Aldi ร้านค้าปลีกที่มีทั้งร้านสะดวกซื้อและซูเปอร์มาร์เก็ต จนกลายเป็นครอบครัวที่ร่ำรวยมากที่สุดในเยอรมนี
จุดเด่น : จากร้านขายของชำธรรมดากลายเป็นร้านสะดวกซื้อที่ขยายสาขาไปทั่วอย่างยิ่งใหญ่ จนกระทั่งรวยที่สุดในประเทศเยอรมนี
How it started : ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง Karl Albrecht และ Theo Albrecht เข้ามาดูแลร้านขายของชำต่อจากคุณแม่ของพวกเขา
Turning point : พวกเขาเปลี่ยนจากร้านขายชำธรรมดาให้กลายเป็นร้านสะดวกซื้อราคาถูกที่คนทั่วไปสามารถซื้อได้อย่างประหยัด มันเวิร์คมากจนทำให้ภายในปี ค.ศ. 1960 Aldi สามารถขยายสาขาไปได้มากถึง 300 สาขาทั่วเยอรมนี
How it’s going :
- สองพี่น้องได้แบ่งร้านกันเป็นสองฝั่ง (เนื่องจากคนหนึ่งอยากขายบุหรี่ แต่อีกคนหนึ่งไม่อยากขาย) ซึ่งปัจจุบันหากนำสาขาทั้งสองฝั่งมารวมกันจะมีร้านค้าของ Aldi มากกว่า 10,000 สาขา
- Karl คนพี่ (ผู้ไม่อยากขายบุหรี่) ได้ Aldi Süd ทางตอนใต้ไปดูแลทั้งหมด
- ส่วน Theo คนน้อง (ผู้ต้องการขายบุหรี่) ได้ Aldi Nord ทางตอนเหนือไปดูแล
- ปัจจุบันแม้คาร์ลและเทโอจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่ลูกของพวกเขาก็มารับช่วงต่อ
- โดย Aldi Süd ลูกของคาร์ลมาดูแลต่อ ซึ่งก็คือสองพี่น้อง Beate Heister และ Karl Albrecht Jr. ผู้ที่รวยที่สุดอันดับ 1 ในประเทศเยอรมนีและรวยที่สุดอันดับ 34 ของโลก มีทรัพย์สินทั้งหมดราว ๆ 41.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
- Theo Albrecht Jr. ลูกของเทโอเข้ามารับช่วงต่อ Aldi Nord ทำให้เขาและครอบครัวกลายเป็นคนที่รวยที่สุดในโลกอันดับที่ 98 มีทรัพย์สินทั้งหมดราว ๆ 20 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้เขายังอยู่ในลิสต์คนที่รวยที่สุดในเยอรมนีอันดับ 5 ไม่เคยหลุดจาก Top 10 เลย
5. ESTEE LAUDER (เอสเต ลอเดอร์) - ESTEE LAUDER
Estée Lauder ตำนานผู้หญิงเก่งผู้สร้างแบรนด์ Estée Lauder เธอเป็นนักธุรกิจหญิงที่ประสบความสำเร็จ จนกลายเป็นผู้สร้างแบรนด์เครื่องสำอางที่ผู้หญิงทั่วโลกส่วนใหญ่รู้จักกันดี
จุดเด่น : จากการขายครีมที่ร้านทำผม .. สู่แบรนด์เครื่องสำอางระดับโลก
How it started : พ่อแม่ของเอสเตนั้นอพยพมาจากฮังการี อาศัยอยู่ในอพาร์ทเม้นต์เล็ก ๆ ในนิวยอร์ก ซึ่งเอสเต ลอเดอร์ สนใจเรื่องความสวยความงามตั้งแต่เด็ก จุดเริ่มต้นคือลุงชาวฮังกาเรียนที่เป็นนักเคมีมาที่บ้านของเธอ เขาได้ทดลองผลิตครีมขึ้นมา เธอเฝ้าดูสิ่งที่ลุงของเธอทำและหลงใหลในครีมนั้นจนมันจุดประกายเธอได้
Turning point : เอสเตนำครีมที่เธอผลิตขึ้นมาเองไปขายในร้านทำผม เธอใช้วิธีพูดสรรพคุณของครีมให้ลูกค้าที่มานั่งทำผมคนแล้วคนเล่า ด้วยทักษะการขายที่มาพร้อมกับคุณภาพของครีม จึงทำให้เกิดการพูดปากต่อปากว่าครีมของเธอนั้นดี จนในปี ค.ศ. 1946 เอสเตและสามีของเธอ Joseph Lauder เปิดบริษัทเกี่ยวกับเครื่องสำอางขึ้นมา โดยนำร้านอาหารเก่า ๆ มารีโนเวทเป็นโรงงาน
How it’s going :
- Estée Lauder Companies Inc. ขยายกิจการจนเติบโตกลายเป็นแบรนด์เครื่องสำอางอันดับต้น ๆ ของโลก ยังมีอีกหลายแบรนด์ในเครือ อาทิ La Mer, Bobbi Brown, MAC, และ Tom Ford Beauty
- Leonard Lauder ลูกชายคนโตของเอสเต รวยมากที่สุดในโลกอันดับที่ 64 มีทรัพย์สินราว ๆ 26.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
- ลีโอนาร์ด คลุกคลีกับการทำธุรกิจจากแม่มาตั้งแต่เด็ก เขาจึงได้ดูแลกิจการของบริษัทต่อจากเอสเตมามากกว่า 30 ปี จนในปี ค.ศ. 1999 เขาได้วางมือจากตำแหน่ง CEO แต่ปัจจุบันเขายังดำรงตำแหน่งประธานกิตติคุณและเป็นที่รู้จักทั่วทั้งบริษัทในนาม “Chief Teaching Officer”
นักธุรกิจที่ประสบความสําเร็จในไทย
ในประเทศไทยมีนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมากมายที่ร่ำรวยจนติดอับดับ Thailand’s 50 Richest by forbes *ข้อมูล ณ วันที่ 31/5/2021
6. คุณธนินท์ เจียรวนนท์ - CP GROUP, 7-ELEVEN
ธนินท์ เจียรวนนท์ หรือที่ทุกคนต่างเรียกกันว่า เจ้าสัวธนินท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP Group) เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด โดยการครองตำแหน่งมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของประเทศไทยมาหลายปี
จุดเด่น : จากแคชเชียร์.. สู่มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของประเทศไทย
How it started : พ่อแม่ของคุณธนินท์ เป็นชาวจีนแต้จิ๋วอพยพมาอยู่ที่ไทย พวกเขาใช้อาชีพค้าขายเป็นหลักในการดำรงชีพและเริ่มทำธุรกิจร้านค้าปลีกมาตั้งแต่ต้น มีชื่อเสียงด้านการเกษตร โดยเฉพาะเมล็ดพันธุ์ผักและอาหารสัตว์
เมื่อเล่าเรียนเกี่ยวกับการค้าขายมากขึ้นที่ฮ่องกงจนจบมาตอนอายุ 19 ปี คุณธนินท์ได้เริ่มทำงานด้วยการเป็นแคชเชียร์ที่ร้านเจริญโภคภัณฑ์
Turning point : เมื่ออายุ 22 ปี เขาได้ไปทำงานที่สหสามัคคีค้าสัตว์ ซึ่งเป็นกิจการเกี่ยวกับการรับซื้อสัตว์ ฆ่า และชำแหละเนื้อสัตว์ เขาได้เรียนรู้การทำงานที่นี่ถึง 3 ปี จากนั้นก็ลาออกไปช่วยกิจการที่บริษัทของครอบครัวในฝ่ายบริหารทั่วไปและการตลาด และได้พัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ รวมถึงทำการตลาดเชิงรุก จนสามารถขยายกิจการไปลงทุนที่ต่างประเทศ โดยการไปตั้งโรงงานอาหารสัตว์ทั่วโลก เช่น ไต้หวัน สิงคโปร์ ฮ่องกง เบลเยียม ฯลฯ
How it’s going :
- เครือเจริญโภคภัณฑ์ มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักดีว่าเป็นหนึ่งในบริษัทผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์รายใหญ่ที่สุดในโลก และมีหลากหลายกลุ่มธุรกิจในเครือรวม 13 กลุ่มด้วยกัน
- 7-Eleven (เซเว่น อีเลฟเว่น) ธุรกิจร้านสะดวกซื้อยอดนิยม ที่ถูกซื้อสิทธิประกอบกิจการค้าปลีกมาโดย CP All ขยายสาขาไปทั่วไทยและต่างประเทศ โดย 7-Eleven ทำกำไรให้กับ CP เป็นอย่างมาก มีสาขา 71,100 สาขากว่า 17 ประเทศทั่วโลก และมีเป้าหมายจะเปิดสาขาเพิ่มอีก 13,000 สาขา ภายในสิ้นปี ค.ศ. 2021
- กลุ่มซีพีเพิ่งประมูล Tesco Lotus กลับไปเป็นของตัวเองด้วยมูลค่า 10.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (อ่านเพิ่มเติมเรื่องนี้ได้ที่ Hypermarket คือ)
- ปัจจุบัน เจ้าสัวธนินท์ (Dhanin Chearavanont) ติดอันดับบุคคลร่ำรวยที่สุดในโลกอันดับ 103 มีทรัพย์สินราว ๆ 16.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังคงครองแชมป์คนที่ร่ำรวยมากที่สุดในไทยอันดับ 1 ร่วมกับ พี่น้องเจียรวนนท์ มีทรัพย์สินรวมกันราว ๆ 27.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
7. ครอบครัวจิราธิวัฒน์ - CENTRAL
ครอบครัวจิราธิวัฒน์ ครอบครัวนักธุรกิจชาวไทยเชื้อสายจีน เป็นเจ้าของกลุ่มเซ็นทรัลที่ประกอบธุรกิจห้างสรรพสินค้า, โรงแรม, ร้านอาหาร, อสังหาริมทรัพย์, สื่อสิ่งพิมพ์ และอื่น ๆ อีกมากมาย เป็นตระกูลมหาเศรษฐีที่รวยอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย
จุดเด่น : จากร้านขายของชำ 1 คูหา สู่ห้างสรรพสินค้าสุดหรูและกลุ่มธุรกิจหลายแขนงครอบคลุมทั้งในไทยและต่างประเทศ
How it started : คุณเตียง แซ่เจ็ง ชาวจีนไหหลำ อพยพมาทำมาค้าขายอยู่ที่ประเทศไทย เริ่มจากการยืมเงินพ่อตาจำนวน 300 บาท มาประกอบธุรกิจเล็ก ๆ เปิดร้านกาแฟและขายของเบ็ดเตล็ด โดย ตั้งชื่อร้าน ว่า “เข่งเส่งหลี”
Turning point : ในปี พ.ศ. 2490 คุณสัมฤทธิ์ ลูกชายคนโตของคุณเตียงเสนอให้มีการเปิดร้านขายหนังสือ ชื่อร้านว่า ห้างเซ็นทรัลเทรดดิ้ง เป็นห้างเซ็นทรัลสาขาแรกที่สี่พระยา โดยเริ่มจากการเซ้งห้องแถว 1 คูหา เวลาต่อมาก็ได้นำสินค้าหลากหลายประเภทเข้ามาขาย เพื่อดึงดูดลูกค้ามากขึ้น อาทิ ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ
จนสามารถขยายร้านได้มากขึ้น และเริ่มที่จะนำแบรนด์เนมมาขาย เมื่อขยายสาขาเพิ่มไปอีก แล้วก็ได้มีการเปลี่ยนชื่อเหลือแค่ ห้างเซ็นทรัล
How it’s going :
- ปัจจุบันตระกูลจิราธิวัฒน์มีกลุ่มธุรกิจในมือกว่า 9 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ห้างสรรพสินค้า, ศูนย์การค้าและอสังหาริมทรัพย์, สินค้าอุปโภคบริโภค, วัสดุก่อสร้างและของตกแต่งบ้าน, การตลาดสินค้าแฟชั่น, โรงแรมและรีสอร์ท, เครื่องเขียน หนังสือ และออนไลน์, ร้านอาหาร รวมทั้งเซ็นทรัลเวียดนาม
- จิราธิวัฒน์เป็นตระกูลที่ใหญ่มาก มีมากกว่า 200 คนในตระกูล มีการบริหารจัดการทรัพย์สินและธุรกิจอย่างดีด้วยระบบกงสี และมีกฏว่าห้ามขายหุ้นให้กับบุคคลอื่นที่ไม่ใช่คนในตระกูล
- ตระกูลจิราธิวัฒน์ มีทรัพย์สินราว ๆ 9.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ร่ำรวยมากที่สุดในประเทศไทยเป็นอันดับที่ 4 และไม่เคยหล่น Top 5 คนที่ร่ำรวยที่สุดในไทยเลย
8. ประจักษ์ ตั้งคารวคุณ และครอบครัว - TOA
ประจักษ์ ตั้งคารวคุณ หัวเรือใหญ่ของธุรกิจสีทาบ้าน ที่มีทั้ง TOA, Captain, SuperShield, 4Seasons เข้ามาอยู่ในลิสต์รายชื่อมหาเศรษฐีไทยเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2561 หลังจากทีโอเอเข้าเทรดในตลาดหุ้นเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2560
จุดเด่น : จากร้านฮาร์ดแวร์ยี่ปั๊วขายกลอนประตู.. สู่อาณาจักรสีทาบ้านระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
How it started : ในปี พ.ศ. 2501 เริ่มต้นบุกเบิกธุรกิจเป็นครั้งแรกที่ตึกแถวคูหาเดียว ซึ่งขายเกี่ยวกับฮาร์ดแวร์ เป็นยี่ปั๊วขายกลอนประตู ต่อมาก็ขยับขยายเป็นร้านวัสดุก่อสร้าง ก่อนจะเริ่มผลิตสีทาไม้ออกจำหน่ายเอง โดยมีผู้นำหลักคือ ประจักษ์ ตั้งคารวคุณ
Turning point : จากตอนแรกที่ดำเนินธุรกิจเฉพาะกับครอบครัวมาราว 50 ปี แต่เมื่อปี พ.ศ. 2560 ได้นำบริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์เป็นครั้งแรกด้วย Stark ผู้ผลิตสายไฟและสายเคเบิ้ล บริษัทนี้บริหารโดยลูกชายของเขาคือ คุณวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ ทำให้บริษัทเติบโตเพิ่มทรัพย์สินได้เกือบเท่าตัวถึง 82%
How it’s going :
- ปัจจุบันตระกูลตั้งคารวคุณมีธุรกิจอยู่ในมือ เช่น สีอุตสาหกรรมและชิ้นส่วนยานยนต์, เคมีภัณฑ์, ผู้จำหน่ายรถยนต์, อสังหาริมทรัพย์ รวมถึง Stark ผู้ผลิตสายไฟและสายเคเบิ้ล
- ทีโอเอมีฐานการผลิตทั้งในไทย, เวียดนาม, สปป.ลาว, เมียนมา, มาเลเซีย และกัมพูชา และเป็นผู้ผลิตสีทาอาคารรายใหญ่ที่สุดของไทย และคาดว่าจะเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดที่มากขึ้นในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
- ปัจจุบัน ประจักษ์ ตั้งคารวคุณ และครอบครัว เป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศไทยอันดับที่ 7 มีทรัพย์สินทั้งหมดราว ๆ 3.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
9. ศุภชัย อัมพุช และครอบครัว - THE MALL
ศุภชัย อัมพุช ผู้ก่อตั้งห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ (The Mall) เขาเป็นตำนานของการริเริ่มธุรกิจที่มาจากศูนย์อีกคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ และมักจะเป็นผู้ริเริ่มในการทำธุรกิจใหม่ ๆ ที่ไม่ซ้ำกับใครอยู่ตลอด จน ณ ตอนนี้ เดอะมอลล์ก็กลายเป็นหนึ่งในห้างสรรพสินค้าที่ทุกคนไปใช้บริการอยู่เป็นประจำ
จุดเด่น : จากเด็กนับขวดเหล้าในโรงเหล้า.. สู่อาณาจักรเดอะมอลล์และห้างสรรพสินค้าสุดหรูหลายแห่งในประเทศไทย
How it started : คุณศุภชัยเริ่มต้นจากการทำงานรับจ้างทั่วไป จนกระทั่งได้ไปประจำอยู่ที่ยี่ปั๊วขายเหล้า โดยการเป็นคนนับสต็อกขวดเหล้า ต่อมาก็ได้ย้ายตำแหน่งไปเป็นเสมียนอยู่ยี่ปั๊วอีกร้านหนึ่ง ชื่อร้านประไพสวัสดิ์
Turning point : เมื่อทำงานคลุกคลีกับธุรกิจเหล้ามาตลอด ทำให้คุณศุภชัยเก่งกาจเรื่องนี้มาก เป็นผลให้เจ้าของร้านชื่อคุณประไพแบ่งหุ้นลมให้เขา ทำให้ในปี พ.ศ. 2502 เขามีเงินเก็บราว ๆ 4-5 แสนบาท
เขาจึงได้เริ่มต้นทำธุรกิจเป็นของตัวเอง ธุรกิจแรกคือ โรงเหล้า ตามมาด้วยโรงหนัง, ไนท์คลับ, อาบอบนวด ซึ่งธุรกิจเหล่านี้ เป็นธุรกิจที่คุณศุภชัยบุกเบิกมาทั้งสิ้น (เขามักจะเป็นผู้ริเริ่ม แล้วให้คนอื่นบริหารต่อ พอมีคนเริ่มหันมาทำตาม เขามักจะขายเพื่อไปทำธุรกิจใหม่ ๆ ที่ไม่เหมือนใคร) จนกระทั่ง พ.ศ. 2024 ได้เปิดเดอะมอลล์สาขาแรก ย่านราชดำริ และมีสาขาต่อ ๆ มา ซึ่งลูก ๆ ของเขา ก็ช่วยบริหารกิจการมาจนถึงปัจจุบัน
How it’s going :
- ปัจจุบันคุณศุภลักษณ์ อัมพุช ลูกสาวของคุณศุภชัย เป็นหัวเรือใหญ่ในการบริหารกิจการของ The Mall Group ซึ่งเธอก็เป็นกำลังสำคัญในการดำเนินกิจการช่วยคุณศุภชัยมาตั้งแต่เริ่มสร้างโครงการเดอะมอลล์ ราชดำริ
- ซึ่งก็ต้องยกเครดิตให้คุณศุภลักษณ์และลูกหลานของคุณศุภชัยด้วยนะคะ ที่สานต่อการบริหารธุรกิจนี้จนสามารถขยายต่อไปได้อย่างยิ่งใหญ่
- นอกจากห้างเดอะมอลล์แล้ว ยังมีธุรกิจในเครืออีกมากมาย อาทิ The Emporium, EmQuartier, Siam Paragon และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งก็เป็นห้างระดับ Luxury ที่รวบรวมแบรนด์สุดหรูจากทั่วทุกมุมโลกมาไว้ที่นี่
- คุณศุภลักษณ์ อัมพุช และครอบครัว ติดอันดับ 20 ของคนที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศไทย โดยมีทรัพย์สินราว ๆ 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
10. ครอบครัวโอสถานุเคราะห์ - โอสถสภา
ครอบครัวโอสถานุเคราะห์ เป็นครอบครัวที่คนไทยน่าจะรู้จักกันดี เพราะเป็นครอบครัวที่ก่อตั้ง “โอสถสภา” บริษัทผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค โดยผลิตภัณฑ์เด่น ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นยาและเครื่องดื่มชูกำลัง เช่น ยาทัมใจ, ยาอมโบตัน, M-150, เป๊ปทีน, C-Vitt ฯลฯ และยังมีของใช้อย่าง เบบี้มายด์, ทเวลฟ์พลัส
จุดเด่น : จากร้านขายยาเล็ก ๆ ที่สำเพ็ง.. สู่อาณาจักรโอสถสภาที่มีสินค้าครองใจคนไทยมายาวนานกว่าศตวรรษ
How it started : จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ. 2434 โดยคุณแป๊ะ แซ่ลิ้ม ตอนแรกคุณแป๊ะเปิดร้านขายของเบ็ดเตล็ดย่านสำเพ็งชื่อร้าน “เต็กเฮงหยู” แต่ได้เปลี่ยนมาขายยาต่าง ๆ เพราะคุณแป๊ะได้นำสูตรยาจีนโบราณชื่อว่า ยากฤษณากลั่น ซึ่งมีสรรพคุณบรรเทาโรคปวดท้องต่าง ๆ ทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 จึงทำให้ยาได้รับความนิยม จึงได้ผลิตยาขายเรื่อยมา
Turning point : หลังจากนั้นปี พ.ศ. 2517 ธุรกิจก็ใหญ่โตจากการผลิตสินค้าออกมาขายในหลายรูปแบบ
- คุณสุรัตน์ โอสถานุเคราะห์ ทายาทรุ่นที่ 3 เป็นผู้นำเครื่องดื่มชูกำลังมาบุกเบิกตลาดในไทยเป็นรายแรก ชื่อแบรนด์ลิโพ ทำให้ตลาดเครื่องดื่มขยายออกไป
- คุณรัตน์ โอสถานุเคราะห์ ทายาทรุ่นที่ 4 ทำตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง M-150 จนเป็นแบรนด์ที่นิยมจนถึงตอนนี้, ปรับแบรนด์อุทัยทิพย์มาเป็นยูทิป, ดึงนักมวยแชมป์โอลิมปิกมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ และอื่น ๆ
- ปี พ.ศ. 2561 คุณเพชร โอสถานุเคราะห์ ทายาทรุ่นที่ 4 ตัดสินใจนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
How it’s going :
- ปัจจุบันโอสถสภาได้เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์กลายเป็น บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน)
- โอสถสภาได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าหลักของบริษัทไว้จำนวน 27 เครื่องหมาย ผลิตสินค้าออกขายสู่ตลาดต่างประเทศเยอะมาก รวมถึงมีบริษัทร่วมทุนมากมาย
- ปี พ.ศ. 2564 คุณเพชรตัดสินใจขายหุ้นและลาออกจากการเป็น CEO
- ครอบครัวโอสถานุเคราะห์ ร่ำรวยเป็นอันดับที่ 8 ของประเทศไทย และมีทรัพย์สินราว ๆ 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
-----------------------------------------------------------------------------------
สนใจบริการดูแลการตลาดออนไลน์ | ทำการตลาดออนไลน์ | ทำกราฟฟิคครบวงจร | สามารถติดต่อเราได้ตลอด | รับสร้างแบรนด์ | รับทำการตลาดออนไลน์ | รับทำแผนการตลาดออนไลน์ | รับสร้างแบรนด์ | รับดูแล Facebook แฟนเพจ | รับดูแล LINE OA สามารถติดต่อเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง
รายละเอียดบริการดูแลการตลาดออนไลน์
ตัวอย่าง ผลงานแบรนด์ต่างๆ ที่เราดูแลการตลาดออนไลน์ให้
------------------------------------------------------------------------------------
💙ปรึกษาทีมงานของเรา💙
📱Tel : 0840104252 📱0947805680
สายด่วนออฟฟิศ : 034-900-165 , 02-297-0811 (จันทร์-ศุกร์)
📨 Inbox : http://m.me/ChatStick.TH
┏━━━━━━━━━┓
📲 LINE: @chatstick
┗━━━━━━━━━┛
หรือคลิ๊ก https://goo.gl/KuzCpM
🎉รายละเอียดที่ http://www.chatstickmarket.com/langran
🎉ชมผลงานเราได้ที่ https://www.chatstickmarket.com/portfolio
Kommentare