top of page

ร้านค้าปลีก คืออะไร❓มีประเภทใดบ้าง


ร้านค้าปลีก คืออะไร❓มีประเภทใดบ้าง  📍ร้านค้าปลีก คืออะไร? ธุรกิจค้าปลีก หรือ Retail Business คือ ธุรกิจที่มีลักษณะการซื้อขายสินค้าและบริการโดยตรงให้กับผู้บริโภค ซึ่งร้านค้าปลีกที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันดีอยู่แล้วคงหนีไม่พัน ร้านสะดวกซื้อ ร้านโชห่วย หรือห้างสรรพสินค้า ร้านค้าแผงลอย ร้านอาหาร เป็นต้น  ร้านค้าปลีกแบบดั่งเดิม ตั้งแต่สมัยอดียเราจะรู้จักกันในชื่อ ร้านโชห่วย หรือ ร้านขายของชำ ซึ่งมักจะต้องอยู่ในแหล่งชุมชน รูปแบบของร้านไม่ได้เน้นออกแบบมาให้ดูสวยงามหรือจัดวางสินค้าอย่างเป็นระบบอะไรมากนัก เน้นการบริการจัดการแบบครอบครัวใช้เงินทุนหมุนเวียน  📍กระบวนการทำงานของร้านค้าปลีก  ผู้ค้าปลีกใช้ระบบจัดหาสินค้าจากผู้ค้าส่งเพื่อขายให้กับผู้บริโภค ในการจัดหาสินค้าคงคลังนั้น คนขายเองจะต้องตรวจสอบความต้องการของลูกค้ามีเป็นไปในทิศทางใด และยังต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ค้าส่ง เพื่อให้ได้ราคาที่ถูกลงอีกด้วย   ห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) หรือกระบวนการต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดการซื้อขายในร้านค้าปลีก ประกอบไปด้วย ผู้ผลิต, ผู้ค้าส่ง, ผู้ค้าปลีกและผู้บริโภค ผู้ค้าส่งเชื่อมต่อโดยตรงกับผู้ผลิต ในขณะที่ผู้ค้าปลีกเชื่อมต่อกับผู้ค้าส่ง ผู้ผลิต : ผลิตสินค้าโดยใช้เครื่องจักร วัตถุดิบ และแรงงาน ผู้ค้าส่ง : ซื้อสินค้าสำเร็จรูปจากผู้ผลิต และขายสินค้าเหล่านั้นให้กับผู้ค้าปลีกในปริมาณมา ผู้ค้าปลีก : ขายสินค้าในปริมาณเล็กน้อยให้กับผู้บริโภค ในราคาที่สูงขึ้นตามที่ผู้ผลิตแนะนำราคามา  ผู้บริโภค : ซื้อสินค้าจากร้านค้าปลีกเพื่อใช้ส่วนตัว  แต่เนื่องจากร้านค้าปลีกนั้นมีหลายประเภทด้วยกัน ทำให้ห่วงโซ่อุปทานข้างต้นที่เรากล่าวมา อาจเกิดขึ้นกับร้านค้าปลีกบางประเภทเท่านั้น เพราะร้านค้าปลีกประเภทใหญ่ ๆ บางเจ้าก็เป็นผู้ผลิตเอง เป็นผู้ค้าส่งเอง และยังเป็นผู้ค้าปลีกเองอีกด้วย   📍ธุรกิจร้านค้าปลีก เป็นธุรกิจที่อยู่คู่กับคนไทยมานาน เพราะเป็นร้านที่อำนวยความสะดวกในการจับจ่ายใช้สอยสินค้าอุปโภคบริโภค ปัจจุบันร้านค้าปลีกได้พัฒนาควบคู่ไปกับความเจริญด้านต่างๆ และความต้องการของผู้บริโภค จนมีร้านค้าปลีกขนาดใหญ่หลายแห่งทีเดียว ซึ่งธุรกิจค้าปลีกมีหลายประเภท โดยหลักๆ สามารถแบ่งได้ดังนี้  1. ห้างสรรพสินค้า (Department Store) แหล่งรวมร้านค้าปลีกแทบทุกประเภท ตั้งแต่ร้านขายสินค้าแฟชั่น ร้านขายเครื่องสำอาง ร้านยา ร้านหนังสือ ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ไปจนถึงร้านขายอุปกรณ์ไอที ร้านเกม โดยจะแบ่งหมวดหมู่สินค้าอย่างชัดเจน ภายในห้างสรรพสินค้ามีการตกแต่งอย่างหรูหรา มีบรรยากาศที่ดีสำหรับการเดินเลือกซื้อสินค้าและพักผ่อนหย่อนใจ จึงเป็นที่นิยมของผู้บริโภคและมีผู้คนไปใช้บริการมากมาย  ตัวอย่างห้างสรรพสินค้า เช่น Central, The Mall, Robinson  2. ช็อปปิ้งมอลล์ (Shopping Mall) ช็อปปิ้งมอลล์หรือเรียกอีกชื่อว่า “ศูนย์การค้า” เป็นแหล่งรวมร้านค้าปลีก ไม่จัดหมวดหมู่สินค้าเพราะขึ้นอยู่กับผู้เช่าที่ อาจอยู่ในร่มหรือในที่แจ้งก็ได้ มีแนวคิดให้บริการทุกอย่างแบบครบวงจร เช่น ร้านอาหาร ร้านหนังสือ ร้านขายเครื่องดนตรี เป็นต้น มีลานกิจกรรมไว้จัดกิจกรรมต่างๆ ตามเทศกาล มีบรรยากาศที่คึกคัก  ตัวอย่างช็อปปิ้งมอลล์ เช่น The EmQuartier, Central Embassy, MBK Center  3. ซูเปอร์มาร์เก็ต (Supermarket) ร้านค้าปลีกที่เน้นสินค้าประเภทอาหารและของใช้จำเป็นในครัวเรือน ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่มีราคาไม่สูง มักตั้งอยู่ใกล้ที่พักอาศัยเพื่อเข้าถึงลูกค้าโดยทั่วไป ส่วนใหญ่เราจะรู้จักซูเปอร์มาร์เก็ตเพราะเป็นส่วนหนึ่งของห้างสรรพสินค้า แต่ปัจจุบันมีการแยกตัวออกมาเปิดแบบเดี่ยวๆ ก็มี หรือแบบที่เรียกว่า แสตนด์อโลน (Stand-Alone) นั่นเอง  ตัวอย่างซูเปอร์มาร์เก็ต เช่น Top Supermarket, Foodland, Villa Market  4. ไฮเปอร์มาร์เก็ต (Hypermarket) ไฮเปอร์มาร์เก็ต คือ การรวมกันของซูเปอร์มาร์เก็ตและห้างสรรพสินค้า จึงถือได้ว่าเป็นร้านค้าปลีกแบบครบวงจร มีสินค้าแทบทุกชนิดที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น อาหาร เครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า เน้นขายสินค้าที่ขายถูกและสามารถหมุนเวียนเร็ว มีนโยบายลดราคา หรือลดแลกแจกแถมทุกวัน เป็นร้านค้าปลีกที่ลงทุนสูงแต่ก็ได้รับผลตอบแทนที่สูงเพราะมีอัตราการเติบโตสูงสุด  ตัวอย่างไฮเปอร์มาร์เก็ต เช่น Big-C, Makro, Tesco Lotus  5. ร้านขายสินค้าเฉพาะอย่าง (Specialty Store) ร้านค้าปลีกที่ขายสินค้าหมวดหมู่ใดหมวดหมู่หนึ่ง เช่น ร้านเครื่องเขียน ร้านดอกไม้ ร้านอุปกรณ์กีฬา ร้านเครื่องสำอาง โดยร้านค้าปลีกที่ขายสินค้าเฉพาะอย่างมักมีการจัดแต่งร้านให้ทันสมัย บรรยากาศดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาเลือกซื้อสินค้า  ตัวอย่างร้านขายสินค้าเฉพาะอย่าง เช่น Boots และ Watson ซึ่งเป็นร้านขายเครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์เสริมความงามต่างๆ ร้าน B2S และ SE-ED ซึ่งเป็นร้านขายหนังสือและเครื่องเขียน  6. ร้านสะดวกซื้อ (Convenience Store) ร้านค้าปลีกขนาดเล็ก เน้นตั้งร้านค้าในบริเวณชุมชน สินค้าภายในร้านเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน เช่น อาหาร เครื่องดื่ม ของใช้ในบ้าน ส่วนใหญ่ร้านสะดวกซื้อจะมีหลายสาขา เปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมง ภาพลักษณ์ของร้านจะสะอาด สะดวกต่อการซื้อของ การวางสินค้ามีระบบและหมวดหมู่ชัดเจน มีการเช็คสต็อกของเพื่อเคลียร์ของหมดอายุอยู่เสมอ  ตัวอย่างร้านสะดวกซื้อ เช่น 7-ELEVEN, Family Mart, Lawson 108  7. ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ (Discount Store, Hypermarket)  มักจะขายสินค้าที่หลากหลายในราคาที่ประหยัด เน้นให้ผู้บริโภคซื้อสินค้าไปทีละเยอะ ๆ เพื่อให้มียอดขายสินค้าในปริมาณที่สูง เน้นสินค้าและบริการที่เข้าถึงง่าย ไม่ได้หรูหราเท่าแบรนด์ต่าง ๆ ในห้างสรรพสินค้า  ส่วนลักษณะก็จะเหมือนการรวมซูเปอร์มาร์เก็ตกับห้างสรรพสินค้าเข้าไว้ด้วยกัน มีความบันเทิงสนุกสนานให้เป็นโซนไว้ นอกจากนี้ก็จะยังมีสินค้าในครัวเรือน สินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไปไว้ด้วยเช่นกัน เช่น Tesco Lotus, Big-C, Makro   8. มินิมาร์ท (Mini-mart) มินิมาร์ทมีลักษณะคล้ายร้านสะดวกซื้อ คือตั้งอยู่ในบริเวณชุมชนหรือตามชานเมืองที่ชุมชนยังไม่หนาแน่นมาก หรือในปั๊มน้ำมันต่างๆ การวางสินค้าจะแบ่งเป็นหมวดหมู่ สินค้าเน้นสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นหลัก เช่น อาหาร ของใช้ในบ้าน แต่มีขนาดร้านที่เล็กกว่าร้านสะดวกซื้อ  ตัวอย่างร้านมินิมาร์ท เช่น Jiffy Shop, Shell SELECT, Tiger Mart, Star Mart  9. ร้านขายของชำ (Grocery Store) ร้านค้าปลีกขนาดเล็ก หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “ร้านโชห่วย” นั่นเอง เป็นร้านค้าแบบดั้งเดิมที่ขายสินค้าอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน มีพื้นที่น้อยประมาณ 1-2 คูหา ส่วนใหญ่เป็นกิจการที่ทำกันภายในครอบครัว หรือเป็นกิจการเสริม จึงมักใช้พื้นที่จากที่พักอาศัย เช่น ห้องแถว บ้าน ตัวร้านค้าไม่มีการตกแต่งมากนัก เพราะเน้นขายให้กับคนในพื้นที่ ปัจจุบันร้านขายของชำมีจำนวนลดน้อยลง แต่ก็ยังเห็นได้ตามชุมชนต่างๆ ทั่วไป  จะะเห็นได้ว่าร้านค้าปลีก คืออะไร มีกระบวนการทำงานอย่างไร และธุรกิจร้านค้าปลีกในไทยมีหลายประเภท ใครที่กำลังจะเปิดร้านค้าปลีก ก็จะสามารถแบ่งได้แล้วนะคะว่าร้านที่คุณกำลังจะเปิดเป็นร้านค้าปลีกแบบไหนดี  ----------------------------------------------------------------------------------- สนใจบริการดูแลการตลาดออนไลน์ | ทำการตลาดออนไลน์ | ทำกราฟฟิคครบวงจร | สามารถติดต่อเราได้ตลอด  | รับสร้างแบรนด์  | รับทำการตลาดออนไลน์  | รับทำแผนการตลาดออนไลน์  | รับสร้างแบรนด์  | รับดูแล Facebook แฟนเพจ  | รับดูแล LINE OA    สามารถติดต่อเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง   รายละเอียดบริการดูแลการตลาดออนไลน์ >> https://www.chatstickmarket.com/langran  ตัวอย่าง ผลงานแบรนด์ต่างๆ ที่เราดูแลการตลาดออนไลน์ให้ >>https://www.chatstickmarket.com/portfolio  ------------------------------------------------------------------------------------  💙ปรึกษาทีมงานของเรา💙 📱Tel : 0840104252 📱0947805680 สายด่วนออฟฟิศ : 034-900-165 , 02-297-0811 (จันทร์-ศุกร์) 📨 Inbox : http://m.me/ChatStick.TH  ┏━━━━━━━━━┓ 📲 LINE: @chatstick ┗━━━━━━━━━┛ หรือคลิ๊ก https://goo.gl/KuzCpM  🎉รายละเอียดที่ http://www.chatstickmarket.com/langran  🎉ชมผลงานเราได้ที่ https://www.chatstickmarket.com/portfolio

ร้านค้าปลีก คืออะไร❓มีประเภทใดบ้าง


📍ร้านค้าปลีก คืออะไร?

ธุรกิจค้าปลีก หรือ Retail Business คือ ธุรกิจที่มีลักษณะการซื้อขายสินค้าและบริการโดยตรงให้กับผู้บริโภค ซึ่งร้านค้าปลีกที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันดีอยู่แล้วคงหนีไม่พัน ร้านสะดวกซื้อ ร้านโชห่วย หรือห้างสรรพสินค้า ร้านค้าแผงลอย ร้านอาหาร เป็นต้น


ร้านค้าปลีกแบบดั่งเดิม ตั้งแต่สมัยอดียเราจะรู้จักกันในชื่อ ร้านโชห่วย หรือ ร้านขายของชำ ซึ่งมักจะต้องอยู่ในแหล่งชุมชน รูปแบบของร้านไม่ได้เน้นออกแบบมาให้ดูสวยงามหรือจัดวางสินค้าอย่างเป็นระบบอะไรมากนัก เน้นการบริการจัดการแบบครอบครัวใช้เงินทุนหมุนเวียน


📍กระบวนการทำงานของร้านค้าปลีก

ผู้ค้าปลีกใช้ระบบจัดหาสินค้าจากผู้ค้าส่งเพื่อขายให้กับผู้บริโภค ในการจัดหาสินค้าคงคลังนั้น คนขายเองจะต้องตรวจสอบความต้องการของลูกค้ามีเป็นไปในทิศทางใด และยังต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ค้าส่ง เพื่อให้ได้ราคาที่ถูกลงอีกด้วย


ห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) หรือกระบวนการต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดการซื้อขายในร้านค้าปลีก ประกอบไปด้วย ผู้ผลิต, ผู้ค้าส่ง, ผู้ค้าปลีกและผู้บริโภค ผู้ค้าส่งเชื่อมต่อโดยตรงกับผู้ผลิต ในขณะที่ผู้ค้าปลีกเชื่อมต่อกับผู้ค้าส่ง

ผู้ผลิต : ผลิตสินค้าโดยใช้เครื่องจักร วัตถุดิบ และแรงงาน

ผู้ค้าส่ง : ซื้อสินค้าสำเร็จรูปจากผู้ผลิต และขายสินค้าเหล่านั้นให้กับผู้ค้าปลีกในปริมาณมา

ผู้ค้าปลีก : ขายสินค้าในปริมาณเล็กน้อยให้กับผู้บริโภค ในราคาที่สูงขึ้นตามที่ผู้ผลิตแนะนำราคามา

ผู้บริโภค : ซื้อสินค้าจากร้านค้าปลีกเพื่อใช้ส่วนตัว


แต่เนื่องจากร้านค้าปลีกนั้นมีหลายประเภทด้วยกัน ทำให้ห่วงโซ่อุปทานข้างต้นที่เรากล่าวมา อาจเกิดขึ้นกับร้านค้าปลีกบางประเภทเท่านั้น เพราะร้านค้าปลีกประเภทใหญ่ ๆ บางเจ้าก็เป็นผู้ผลิตเอง เป็นผู้ค้าส่งเอง และยังเป็นผู้ค้าปลีกเองอีกด้วย


📍ธุรกิจร้านค้าปลีก

เป็นธุรกิจที่อยู่คู่กับคนไทยมานาน เพราะเป็นร้านที่อำนวยความสะดวกในการจับจ่ายใช้สอยสินค้าอุปโภคบริโภค ปัจจุบันร้านค้าปลีกได้พัฒนาควบคู่ไปกับความเจริญด้านต่างๆ และความต้องการของผู้บริโภค จนมีร้านค้าปลีกขนาดใหญ่หลายแห่งทีเดียว ซึ่งธุรกิจค้าปลีกมีหลายประเภท โดยหลักๆ สามารถแบ่งได้ดังนี้


1. ห้างสรรพสินค้า (Department Store)

แหล่งรวมร้านค้าปลีกแทบทุกประเภท ตั้งแต่ร้านขายสินค้าแฟชั่น ร้านขายเครื่องสำอาง ร้านยา ร้านหนังสือ ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ไปจนถึงร้านขายอุปกรณ์ไอที ร้านเกม โดยจะแบ่งหมวดหมู่สินค้าอย่างชัดเจน ภายในห้างสรรพสินค้ามีการตกแต่งอย่างหรูหรา มีบรรยากาศที่ดีสำหรับการเดินเลือกซื้อสินค้าและพักผ่อนหย่อนใจ จึงเป็นที่นิยมของผู้บริโภคและมีผู้คนไปใช้บริการมากมาย


ตัวอย่างห้างสรรพสินค้า เช่น Central, The Mall, Robinson


2. ช็อปปิ้งมอลล์ (Shopping Mall)

ช็อปปิ้งมอลล์หรือเรียกอีกชื่อว่า “ศูนย์การค้า” เป็นแหล่งรวมร้านค้าปลีก ไม่จัดหมวดหมู่สินค้าเพราะขึ้นอยู่กับผู้เช่าที่ อาจอยู่ในร่มหรือในที่แจ้งก็ได้ มีแนวคิดให้บริการทุกอย่างแบบครบวงจร เช่น ร้านอาหาร ร้านหนังสือ ร้านขายเครื่องดนตรี เป็นต้น มีลานกิจกรรมไว้จัดกิจกรรมต่างๆ ตามเทศกาล มีบรรยากาศที่คึกคัก


ตัวอย่างช็อปปิ้งมอลล์ เช่น The EmQuartier, Central Embassy, MBK Center


3. ซูเปอร์มาร์เก็ต (Supermarket)

ร้านค้าปลีกที่เน้นสินค้าประเภทอาหารและของใช้จำเป็นในครัวเรือน ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่มีราคาไม่สูง มักตั้งอยู่ใกล้ที่พักอาศัยเพื่อเข้าถึงลูกค้าโดยทั่วไป ส่วนใหญ่เราจะรู้จักซูเปอร์มาร์เก็ตเพราะเป็นส่วนหนึ่งของห้างสรรพสินค้า แต่ปัจจุบันมีการแยกตัวออกมาเปิดแบบเดี่ยวๆ ก็มี หรือแบบที่เรียกว่า แสตนด์อโลน (Stand-Alone) นั่นเอง


ตัวอย่างซูเปอร์มาร์เก็ต เช่น Top Supermarket, Foodland, Villa Market


4. ไฮเปอร์มาร์เก็ต (Hypermarket)

ไฮเปอร์มาร์เก็ต คือ การรวมกันของซูเปอร์มาร์เก็ตและห้างสรรพสินค้า จึงถือได้ว่าเป็นร้านค้าปลีกแบบครบวงจร มีสินค้าแทบทุกชนิดที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น อาหาร เครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า เน้นขายสินค้าที่ขายถูกและสามารถหมุนเวียนเร็ว มีนโยบายลดราคา หรือลดแลกแจกแถมทุกวัน เป็นร้านค้าปลีกที่ลงทุนสูงแต่ก็ได้รับผลตอบแทนที่สูงเพราะมีอัตราการเติบโตสูงสุด


ตัวอย่างไฮเปอร์มาร์เก็ต เช่น Big-C, Makro, Tesco Lotus


5. ร้านขายสินค้าเฉพาะอย่าง (Specialty Store)

ร้านค้าปลีกที่ขายสินค้าหมวดหมู่ใดหมวดหมู่หนึ่ง เช่น ร้านเครื่องเขียน ร้านดอกไม้ ร้านอุปกรณ์กีฬา ร้านเครื่องสำอาง โดยร้านค้าปลีกที่ขายสินค้าเฉพาะอย่างมักมีการจัดแต่งร้านให้ทันสมัย บรรยากาศดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาเลือกซื้อสินค้า


ตัวอย่างร้านขายสินค้าเฉพาะอย่าง เช่น Boots และ Watson ซึ่งเป็นร้านขายเครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์เสริมความงามต่างๆ ร้าน B2S และ SE-ED ซึ่งเป็นร้านขายหนังสือและเครื่องเขียน


6. ร้านสะดวกซื้อ (Convenience Store)

ร้านค้าปลีกขนาดเล็ก เน้นตั้งร้านค้าในบริเวณชุมชน สินค้าภายในร้านเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน เช่น อาหาร เครื่องดื่ม ของใช้ในบ้าน ส่วนใหญ่ร้านสะดวกซื้อจะมีหลายสาขา เปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมง ภาพลักษณ์ของร้านจะสะอาด สะดวกต่อการซื้อของ การวางสินค้ามีระบบและหมวดหมู่ชัดเจน มีการเช็คสต็อกของเพื่อเคลียร์ของหมดอายุอยู่เสมอ


ตัวอย่างร้านสะดวกซื้อ เช่น 7-ELEVEN, Family Mart, Lawson 108


7. ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ (Discount Store, Hypermarket)

มักจะขายสินค้าที่หลากหลายในราคาที่ประหยัด เน้นให้ผู้บริโภคซื้อสินค้าไปทีละเยอะ ๆ เพื่อให้มียอดขายสินค้าในปริมาณที่สูง เน้นสินค้าและบริการที่เข้าถึงง่าย ไม่ได้หรูหราเท่าแบรนด์ต่าง ๆ ในห้างสรรพสินค้า


ส่วนลักษณะก็จะเหมือนการรวมซูเปอร์มาร์เก็ตกับห้างสรรพสินค้าเข้าไว้ด้วยกัน มีความบันเทิงสนุกสนานให้เป็นโซนไว้ นอกจากนี้ก็จะยังมีสินค้าในครัวเรือน สินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไปไว้ด้วยเช่นกัน เช่น Tesco Lotus, Big-C, Makro


8. มินิมาร์ท (Mini-mart)

มินิมาร์ทมีลักษณะคล้ายร้านสะดวกซื้อ คือตั้งอยู่ในบริเวณชุมชนหรือตามชานเมืองที่ชุมชนยังไม่หนาแน่นมาก หรือในปั๊มน้ำมันต่างๆ การวางสินค้าจะแบ่งเป็นหมวดหมู่ สินค้าเน้นสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นหลัก เช่น อาหาร ของใช้ในบ้าน แต่มีขนาดร้านที่เล็กกว่าร้านสะดวกซื้อ


ตัวอย่างร้านมินิมาร์ท เช่น Jiffy Shop, Shell SELECT, Tiger Mart, Star Mart


9. ร้านขายของชำ (Grocery Store)

ร้านค้าปลีกขนาดเล็ก หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “ร้านโชห่วย” นั่นเอง เป็นร้านค้าแบบดั้งเดิมที่ขายสินค้าอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน มีพื้นที่น้อยประมาณ 1-2 คูหา ส่วนใหญ่เป็นกิจการที่ทำกันภายในครอบครัว หรือเป็นกิจการเสริม จึงมักใช้พื้นที่จากที่พักอาศัย เช่น ห้องแถว บ้าน ตัวร้านค้าไม่มีการตกแต่งมากนัก เพราะเน้นขายให้กับคนในพื้นที่ ปัจจุบันร้านขายของชำมีจำนวนลดน้อยลง แต่ก็ยังเห็นได้ตามชุมชนต่างๆ ทั่วไป


จะะเห็นได้ว่าร้านค้าปลีก คืออะไร มีกระบวนการทำงานอย่างไร และธุรกิจร้านค้าปลีกในไทยมีหลายประเภท ใครที่กำลังจะเปิดร้านค้าปลีก ก็จะสามารถแบ่งได้แล้วนะคะว่าร้านที่คุณกำลังจะเปิดเป็นร้านค้าปลีกแบบไหนดี


-----------------------------------------------------------------------------------

สนใจบริการดูแลการตลาดออนไลน์ | ทำการตลาดออนไลน์ | ทำกราฟฟิคครบวงจร | สามารถติดต่อเราได้ตลอด | รับสร้างแบรนด์ | รับทำการตลาดออนไลน์ | รับทำแผนการตลาดออนไลน์ | รับสร้างแบรนด์ | รับดูแล Facebook แฟนเพจ | รับดูแล LINE OA สามารถติดต่อเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง

รายละเอียดบริการดูแลการตลาดออนไลน์

ตัวอย่าง ผลงานแบรนด์ต่างๆ ที่เราดูแลการตลาดออนไลน์ให้

------------------------------------------------------------------------------------


💙ปรึกษาทีมงานของเรา💙

📱Tel : 0840104252 📱0947805680

สายด่วนออฟฟิศ : 034-900-165 , 02-297-0811 (จันทร์-ศุกร์)

┏━━━━━━━━━┓

📲 LINE: @chatstick

┗━━━━━━━━━┛

หรือคลิ๊ก https://goo.gl/KuzCpM

🎉รายละเอียดที่ http://www.chatstickmarket.com/langran

🎉ชมผลงานเราได้ที่ https://www.chatstickmarket.com/portfolio

แท็ก:

ดู 17,601 ครั้ง
CS_Redesign_คอนเทนต์เดิม2_2.png
CS_Redesign_คอนเทนต์เดิม3.png
Recent Posts
c24f0332fa3b87f8a304140403b893510_64100212_210625.jpg
244712625_300456528129611_2152723951836713111_n.jpg
5.png
4.png
Button Event สติกเกอร์.png
2.png
Button ChatStick Market.png
bottom of page