การทำ Influencer Collaboration เพื่อขยายฐานลูกค้า

การทำ Influencer Collaboration เพื่อขยายฐานลูกค้า

ในยุคที่โลกออนไลน์เข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันมากขึ้น อินฟลูเอนเซอร์หรือผู้มีอิทธิพลบนโลกโซเชียลจึงกลายเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์การตลาดที่ได้รับความนิยมสูงสุด ด้วยความสามารถในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด สร้างการมีส่วนร่วม และโน้มน้าวใจให้เกิดการซื้อสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการทำ Influencer Collaboration หรือการร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์ จึงเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่แบรนด์ต่างๆ ให้ความสนใจ เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่และเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจ

Influencer Collaboration คือการทำงานร่วมกันระหว่างแบรนด์กับอินฟลูเอนเซอร์ที่มีอิทธิพลและความน่าเชื่อถือในกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ ผ่านการจัดกิจกรรมการตลาดต่างๆ เช่น การรีวิวสินค้า การทำภารกิจพิเศษ การออกแบบคอลเลคชันร่วม การเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ฯลฯ โดยอาศัยช่องทางโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Instagram, YouTube, TikTok ของอินฟลูเอนเซอร์ในการเผยแพร่ข้อมูลและสร้างการรับรู้ให้แก่แบรนด์ ซึ่งทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีความสนใจตรงกันได้อย่างแม่นยำ อีกทั้งยังช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่สินค้าผ่านการรับรองจากอินฟลูเอนเซอร์อีกด้วย

ประโยชน์ของการทำ Influencer Collaboration ในการขยายฐานลูกค้ามีดังนี้

1. เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ได้อย่างตรงจุด: อินฟลูเอนเซอร์แต่ละคนมักจะมีกลุ่มผู้ติดตามเฉพาะทาง (Niche Market) ที่มีความสนใจ ไลฟ์สไตล์ หรือพฤติกรรมคล้ายกัน การร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์ที่ตรงกับพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย จึงช่วยให้แบรนด์สามารถเจาะตลาดเฉพาะกลุ่มได้อย่างแม่นยำ และเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ที่มีแนวโน้มซื้อสูงได้มากขึ้น

2. สร้างการรับรู้และความน่าเชื่อถือให้แบรนด์: การที่อินฟลูเอนเซอร์ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ชื่นชอบของผู้ติดตาม มาแนะนำหรือรีวิวสินค้าให้ ทำให้แบรนด์ดูมีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น เพราะถือเป็นการการันตีโดยบุคคลที่มีประสบการณ์ตรง ซึ่งมีพลังในการจูงใจและสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคได้ดีกว่าการโฆษณาทั่วไป

3. สร้างการมีส่วนร่วมและบอกต่อในวงกว้าง: ผู้ติดตามของอินฟลูเอนเซอร์ส่วนใหญ่มีความผูกพันและเชื่อมั่นในตัวอินฟลูเอนเซอร์สูง เมื่ออินฟลูเอนเซอร์โพสต์รีวิวหรือแนะนำสินค้า มักจะได้รับความสนใจ การกดไลก์ การคอมเมนต์ และการแชร์ต่อเป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้แบรนด์เป็นที่พูดถึงในวงกว้าง และดึงดูดลูกค้าใหม่ให้เข้ามาสนใจแบรนด์มากขึ้น

4. เพิ่มอัตราการคลิกและการเข้าชมเว็บไซต์: เมื่ออินฟลูเอนเซอร์โพสต์คอนเทนต์พร้อมลิงก์ไปยังเว็บไซต์หรือหน้าสินค้าของแบรนด์ จะช่วยเพิ่มอัตราการคลิกและการเข้าชมเว็บไซต์ได้อย่างมาก เพราะผู้ติดตามเชื่อถือในคำแนะนำของอินฟลูเอนเซอร์ อีกทั้งการแท็กและติดแฮชแท็กของแบรนด์ยังช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาข้อมูลของแบรนด์ได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

5. วัดผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ได้ชัดเจน: การจ่ายค่าตอบแทนให้อินฟลูเอนเซอร์มักจะอิงตามผลลัพธ์ที่วัดได้ เช่น จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ ยอดขาย จำนวนผู้ติดตามใหม่ที่เพิ่มขึ้น เป็นต้น ซึ่งแบรนด์สามารถวิเคราะห์ผลลัพธ์ที่ได้จากแต่ละแคมเปญ และเปรียบเทียบกับเม็ดเงินที่ลงไปได้อย่างชัดเจน ว่าคุ้มค่าต่อการลงทุนหรือไม่ พร้อมทั้งปรับกลยุทธ์หรือเลือกใช้อินฟลูเอนเซอร์ให้เหมาะสมต่อไป

อย่างไรก็ตาม การเลือกอินฟลูเอนเซอร์ให้เหมาะสมกับแบรนด์เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ควรพิจารณาทั้งในแง่ของจำนวนผู้ติดตาม, อัตราการมีส่วนร่วม (Engagement Rate), คุณภาพของคอนเทนต์, ความน่าเชื่อถือและชื่อเสียง รวมถึงบุคลิกภาพที่สอดคล้องกับภาพลักษณ์ของแบรนด์ด้วย โดยไม่จำเป็นต้องเป็นอินฟลูเอนเซอร์ระดับท็อปเสมอไป บางครั้ง Micro-Influencer ที่มีผู้ติดตามน้อยกว่า แต่มีความน่าเชื่อถือและความผูกพันกับกลุ่มเฉพาะของตัวเองสูง ก็สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ดีได้เช่นกัน

ทาง ChatStick Team มองว่า แม้การทำ Influencer Collaboration จะใช้งบประมาณค่อนข้างสูง แต่ก็ให้ผลตอบแทนคุ้มค่าทั้งในแง่ของการเพิ่มการรับรู้ การสร้างความน่าเชื่อถือ และการเพิ่มยอดขายให้กับแบรนด์ โดยเฉพาะธุรกิจ SME ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก หากสามารถเลือกร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์ที่มีกลุ่มผู้ชมตรงกับกลุ่มเป้าหมาย และสร้างแคมเปญที่ดึงดูดใจได้ ก็มีโอกาสขยายฐานลูกค้าใหม่และเพิ่มยอดขายได้อย่างก้าวกระโดดเลยทีเดียว

สิ่งสำคัญคือ การวางแผนและจัดสรรงบประมาณอย่างเหมาะสม เลือกใช้อินฟลูเอนเซอร์ให้เข้ากับแบรนด์ ออกแบบแคมเปญที่สร้างสรรค์และน่าสนใจ พร้อมติดตามวัดผลและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เพราะการทำงานกับอินฟลูเอนเซอร์แต่ละคนอาจให้ผลที่แตกต่างกันไป ดังนั้นการศึกษา ทดลอง และเรียนรู้วิธีใช้ Influencer Marketing ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกแบรนด์ที่อยากเติบโตบนโลกออนไลน์ในยุคนี้

สุดท้ายนี้ Influencer Collaboration เป็นเรื่องที่น่าสนใจและเป็นกลยุทธ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อีกต่อไป หากแบรนด์ต้องการเติบโตบนโลกโซเชียลมีเดีย ซึ่งเป็นพื้นที่หลักในการเข้าถึงผู้บริโภคยุคใหม่ การใช้พลังและความน่าเชื่อถือของอินฟลูเอนเซอร์ที่สอดคล้องกับเป้าหมาย จะช่วยให้แบรนด์เป็นที่รู้จักและเข้าถึงกลุ่มผู้ชมที่กว้างขึ้น นำไปสู่การเพิ่มยอดขายและขยายฐานลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดบนโลกออนไลน์ในปัจจุบัน

#InfluencerCollaboration #InfluencerMarketing #การตลาดยุคใหม่ #การขยายฐานลูกค้า #SMEMarketing #แบรนด์เติบโต #ChatStickTeam