top of page

สูตรขายของออนไลน์ ให้ประสบความสำเร็จ✨


สูตรขายของออนไลน์ ให้ประสบความสำเร็จ✨  ในปัจจุบัน โลกอินเทอร์เน็ตเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยสร้างรายได้ให้กับตัวเองได้ง่ายอย่างมาก โดยอาจจะใช้เป็นแหล่งหารายได้หลักหรือจะใช้เป็นแหล่งหารายได้เสริมให้ตัวเองก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งโดยขึ้นอยู่ที่ความสามารถของตัวบุคคลเอง ซึ่งแน่นอนว่าด้วยความที่อินเทอร์เน็ตเป็นสิ่งที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย จึงทำให้การขายของออนไลน์มีการแข่งขันที่สูงอย่างมากเลยล่ะ และก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะที่จะประสบความสำเร็จจนร่ำรวย แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเราก็มีสูตรขายของออนไลน์จนประสบความสำเร็จอย่างง่ายๆ มาฝากดังนี้  1. เลือกสินค้าอะไรมาขายออนไลน์ดี ขั้นตอนแรกก็คือ พิจารณาว่าจะ ขายของออนไลน์ อะไรดี เลือกสินค้าที่เป็นที่ต้องการและน่าจะทำกำไรได้ดี อาจเป็นสินค้าที่คุณทำขึ้นเอง หรือสั่งซื้อสินค้ามาในราคาส่งก็ได้ เช่น สั่งซื้อจาก Aliexpress, Alibaba หรือจะเป็นของ OTOP ต่างจังหวัดในบ้านเราก็ได้เช่นกัน  พยายามอย่าเริ่มเลือกสินค้ามาขายออนไลน์จากการเลือกตามคนอื่น เห็นคนอื่นขายดีแล้วขายบ้าง ที่สำคัญที่สุดในขั้นตอนนี้คือ อย่าไปเลือกตามชาวบ้านอย่างเดียว อย่าเห็นว่าคนอื่นขายดีแล้วเราจะขายบ้าง หากเริ่มแบบนี้บอกเลยว่าโอกาสพังมีเยอะอยู่ มันอาจจะขายได้ในช่วงแรกๆ ก็จริง แต่สุดท้ายจะเกิดปัญหาทั้งเรื่องราคา สินค้าไร้จุดเด่น และเราคุณเองก็อาจไม่ได้มี Passion ทำให้ไม่รู้จะพัฒนาต่อยอดไปทางไหน  แนะนำให้เริ่มจากความสนใจ หรือความชอบของตัวเอง หรือให้ลอง วิเคราะห์ SWOT ของตัวเองดูว่าตัวเองมีจุดแข็งอะไรบ้าง ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร จะทำให้ประสบความสำเร็จในระยะยาวมากกว่า หากเริ่มจากการทำตามคนอื่น หรือเริ่มจากสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ชอบ ทำไปสักพักก็อยากจะเปลี่ยนอีก  2. วิจัยตลาดออนไลน์ ขั้นตอนต่อมาคือ ดูเทรนของสินค้าที่คุณอยากขายของออนไลน์ เรียนรู้จากร้านค้าออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จแล้ว และนำมาปรับใช้กับตัวเอง ลองดูว่าสินค้าอะไรความต้องการเยอะ  ลองค้นหาคีย์เวิร์ดที่ผู้บริโภคใช้ค้นหาออนไลน์เกี่ยวกับสินค้าที่คุณขาย โดยสามารถใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น Google Keyword Planner หรือจะเป็น Uber Suggest ก็ได้ อันนี้จะเป็นตัวบอกได้ดีว่าในตลาดนั้นมี Demand มากน้อยแค่ไหน  ขายของออนไลน์อะไรดี ใช้ Uber Suggest หาคำตอบ นอกจากจะสามารถนำมาเป็นข้อมูลในการโฆษณา หรือทำการตลาดแล้ว ยังทำให้รู้ด้วยว่าสินค้าไหนควรสั่งมา Stock มาก หรือสินค้าไหนไม่ต้อง Stock เยอะ เพราะหากเป็นสินค้าที่ Demand น้อย การ Stock ค้างไว้เยอะเกินไม่เป็นผลดีต่อธุรกิจแน่นอน เพราะเงินของคุณจะไปจบกับ Stock นั้นนานเกิน  ยิ่งไปกว่านั้น จากการระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา พฤติกรรมผู้บริโภค 2021 ได้เปลี่ยนไปเยอะพอสมควร ดังนั้นโมเดลธุรกิจ หรือ กลยุทธ์ต่างๆ ก็ต้องปรับตามไปด้วย โดยเฉพาะ กลยุทธ์ในการรักษาฐานลูกค้าเก่า ซึ่งควรเริ่มคิดไว้ตั้งแต่ต้น เพราะการขายของกับลูกค้าเก่าช่วยเราประหยัดต้นทุนได้ถึง 5 เท่า และยังช่วยให้รากฐานของธุรกิจมั่นคงในระยะยาว  3. วิเคราะห์คู่แข่งของคุณ เรียนรู้ว่ามีกลยุทธ์อะไรของคู่แข่งบ้างที่ขายของออนไลน์ให้รวยได้ หากทำแล้วได้ผลดีก็นำมาปรับใช้ หรือมีอะไรที่คุณสามารถนำไปพัฒนาต่อให้ดีกว่าได้บ้าง ทำให้แบรนด์ของคุณมีการพัฒนาและค่อยๆ ไต่ขึ้นไปในระดับที่ดีขึ้นในตลาด  แนะนำว่าอย่าไปลอกคู่แข่งมาทั้งหมด การวิเคราะห์คู่แข่งคือการหาช่องว่างในตลาด ว่ายังมีช่องว่างตรงไหน ที่ลูกค้าต้องการ แต่คู่แข่งยังไม่ได้ทำ ซึ่งนั่นหมายถึงโอกาสที่คุณจะเข้าไปเล่นในช่องว่างนั้นได้  แนะนำให้ลองทำ Market Analysis ซึ่งคือการวิจัยตลาดแบบง่ายๆ ที่ช่วยให้คุณหาช่องว่างในตลาด แล้วเอามาสร้างเป็นโอกาสธุรกิจ  4. วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายของคุณ หากคุณทำ Market Analysis ตามที่แนะนำในข้อก่อนหน้านี้ ก็จะรวมไปถึงการวิเคราะห์ตลาดกลุ่มเป้าหมายด้วยเช่นกัน  การวิเคราะห์จะช่วยให้เห็นว่าว่าใครคือกลุ่มเป้าหมายของคุณ เรียนรู้และเข้าใจพฤติกรรมการบริโภคของพวกเขาว่าเป็นอย่างไร พวกเขาชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร ทำยังไงให้พวกเขารู้สึกว่าจำเป็นที่จะต้องซื้อสินค้าของคุณ และทำให้เว็บไซต์หรือเฟสบุ๊คเพจของสินค้าคุณดึงดูดความสนใจจากพวกเขาให้ได้  หากคุณบอกว่า กลุ่มเป้าหมายของคุณคือทุกคน เพราะคุณกำลังจะขายให้ทุกคน โปรดรู้ไว้เลยว่าคุณกำลังอยู่ในจุดที่อันตราย  หลายคนที่เพิ่งเริ่มขายของออนไลน์จะงงๆ ไม่รู้ว่ากลุ่มเป้าหมายหลักคือใคร ส่งผลให้เวลาทำการตลาด หรือโฆษณา ก็จะกระจายไปกว้างๆ ซึ่งอาจทำให้ขายได้ยากมาก ให้ลองนึกชัดๆ เลยว่า ใครที่ต้องใช้สินค้านี้ ไม่ใช้ไม่ได้ แล้วเจาะไปเป็นกลุ่มๆ เพราะแต่ละคน แต่ละกลุ่มมีความต้องการที่ต่างกัน ดังนั้นข้อความที่นำเสนอออกไปก็จะต้องต่างกัน เพื่อให้ตอบโจทย์แต่ละกลุ่มมากที่สุด  5. จัดเตรียมสินค้าไว้ขาย หลังจากที่รู้ว่าจะขายของออนไลน์อะไรดีแล้ว ก็ถึงเวลาที่ต้องจัดเตรียมสินค้าไว้สำหรับขายแล้ว หากเป็นสินค้าที่คุณทำขึ้นเองก็จัดเตรียมไว้ให้พร้อม หรือทำการสั่งซื้อสินค้าที่ต้องการจากแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบันอย่าง Alibaba หรือ Taobao  ในขั้นตอนนี้คุณต้องสามารถประเมินการสั่ง หรือผลิตสินค้าล็อตแรกได้แล้วจากการที่ประเมิน Demand ของตลาดในขั้นตอนที่ 2 เพื่อไม่ให้ สินค้าค้าง Stock เยอะเกินไป  ซึ่งหากจะสั่งจาก Alibaba ก็ต้องลองดูเรื่อง MOQ หรือจำนวนขั้นต่ำในการสั่ง ร่วมถึงค่าขนส่งด้วย โดยต้องลองมาคิดจุดที่ต้นทุนโอเคกับเราที่สุด เช่น ถ้าคุณสั่งน้อยชิ้น ต้นทุนต่อชิ้นและค่าส่งต่อชิ้นก็จะสูง หากคุณสั่งเยอะ ต้นทุนต่อชิ้นและค่าส่งต่อชิ้นก็จะต่ำ แต่มันก็อาจจะเยอะจนทำให้สินค้าค้าง Stock ได้  และที่สำคัญ อีกตัวเลขหนึ่งที่ถือเป็นต้นทุนคือ “ภาษีนำเข้า” ศึกษาให้ดีว่าสินค้าของคุณมีภาษี หรือมี VAT อะไรเพิ่มอีกเท่าไหร่  สำหรับใครที่ต้องจ้างโรงงานผลิต ไม่ว่าจะเป็นครีม หรืออาหารเสริม หรืออะไรก็แล้วแต่ ให้ศึกษาตลาดดีๆ เลย เพราะ การสั่งผลิต หรือการทำ OEM (Origianl Equipment Manufacturer) นั้นต้องมีขั้นต่ำในการผลิต เช่น 500 ชิ้น หรือ 1,000 ชิ้น ซึ่งผลิตออกมาแล้ว จะเปลี่ยนใจไม่ขายไม่ได้แล้วนะ  6. เลือก e-Commerce Platform สำหรับ ขายของออนไลน์ ที่ใช่ สำหรับคนที่ อยากขายของออนไลน์ แต่ต้นทุนต่ำ ให้เลือกแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ดูแล้วเหมาะกับสินค้า และมีกลุ่มลูกค้าเข้ามาใช้งานเยอะ ตัวอย่างของแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมในไทยก็คือ Lazada และ Shopee  แนะนำให้ศึกษาให้ดีว่าแต่ละแพลทฟอร์มมีค่า Commission เท่าไหร่ เพื่อที่คุณจะได้บวกส่วนนี้ไปในต้นทุนด้วย  นอกจากนี้หากคุณอยาก Advance ขึ้นมา สามารถเปิดขายบนเว็บไซต์ของตนเองได้ด้วยเช่นกัน อยู่ที่กลยุทธ์ของแต่ละแบรนด์ว่าจะไปพึ่ง e-Commerce Platform หรือจะทำ Platform ขึ้นมาเอง ซึ่งหากเลือกวิธีนี้ควบคู่ไปด้วย ก็จะต้องมีเว็บไซต์ โดยต้องเลือกว่าจะทำเว็บไซต์เอง ใช้ Magento WordPress หรือจะใช้เป็นเว็บไซต์สำเร็จรูป  บางแบรนด์ไม่ทำทั้ง 2 อย่าง แต่ขายบน Instagram หรือ Facebook อย่างเดียวก็ได้ ถือเป็นการทำ Social Commerce เช่นกัน ให้กลับไปดูที่ SWOT ของตัวเองว่าถนัดอะไร หรือมีทีมงานพร้อมทำอะไรบ้าง เช่น การทำ Social Media ต้องทำคอนเทนต์เก่ง ต้องยิ่งโฆษณาเก่ง ซึ่งหากคุณทำไม่ได้ ก็อาจจะต้องลองพิจารณาทางเลือกอื่นที่เข้ากับ Skill ของตนเอง หรือของทีม  7. สร้าง Traffic ออนไลน์ หลังจากที่คุณมีเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย หรือแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซแล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อไปก็คือการสร้าง Traffic ให้คนเข้ามาเยี่ยมชมเยอะๆ อาจจะผ่านการโฆษณาในโซเชียลมีเดีย หรือใช้เทคนิคการทำ SEO บนเว็บไซต์ของคุณเพื่อให้ลูกค้าค้นหาแล้วเจอเว็บไซต์ขึ้นมาหน้าแรก (หากทำไม่เป็นให้ลองค้นหา Google ว่า “รับทำ SEO คุณภาพ” และเลือกติดต่อสอบถามดูเองได้เลย)  แต่หากคุณขายบน e-Commerce Platform หรือ Online Marketplace ต่างๆ ให้ลองศึกษาดูว่า จะทำอย่างไรให้สินค้าของเราไปขึ้นบนเว็บไซต์ในจุดที่คนน่าจะคลิกเข้ามาเยอะๆ เช่น เข้าร่วมแคมเปญลดราคา ใส่ Keyword ในเนื้อหาเยอะ หรือกระตุ้นให้ลูกค้าเข้ามารีวิวเยอะๆ เป็นต้น  การมีช่องทางออนไลน์ก็เหมือนมีหน้าร้าน การสร้าง Traffic ก็เหมือนการเรียกลูกค้าเข้าร้าน หากวันนี้คุณหา Traffic จำนวนมากเข้าร้านได้แล้ว คำถามต่อไปคือ คนที่เข้ามาในร้านมีคุณภาพมากน้อยแค่ไหน เข้ามาแล้วออกเลยหรือเปล่า ดังนั้น User Experience (UX) และ User Interface (UI) สำคัญต่อการดึง Traffic ให้มากเป็นยอดขายมาก  8. พัฒนาธุรกิจให้เติบโต เมื่อเริ่มขายได้แล้ว ต่อไปก็ต้องมาเริ่มพัฒนาธุรกิจให้โตขึ้น ถ้าคุณ อยาก ขายของออนไลน์ ให้ประสบความสำเร็จ ก็ต้องเรียนรู้เกี่ยวกับธุรกิจของตัวเองตลอดเวลา ศึกษาถึงพฤติกรรมของผู้บริโภค สินค้าอะไรที่ขายดีก็ดำเนินการต่อไป และมองหาโอกาสของสินค้าประเภทหรือแบบใหม่ๆ เป็นตัวเลือกสำหรับลูกค้าเพิ่มขึ้นด้วย น้อมรับคำติชมเพื่อนำมาพัฒนาร้านค้าออนไลน์ของคุณให้ดีขึ้น  สำหรับขั้นตอนนี้ ขอย้ำให้ทำ SWOT และ Market Analysis อีกครั้ง เผื่อเจอโอกาสใหม่ๆ หรือหากใครอยากพัฒนาจากของเดิมให้ดีขึ้น ต้องไปลองทำ Value Chain จะเห็นภาพเลยว่า จากที่เราทำอยู่เดิม จะสามารถพัฒนาให้ดีขึ้นอย่างไรได้บ้าง  หากใครเริ่มขายแล้วยังไม่สำเร็จก็ไม่ต้องตกใจ บางคนล้มเป็น 10 ครั้งกว่าจะขายได้ หัวใจสำคัญคือต้องทดลอง และวัดผลลัพธ์ออกมาให้ได้ ว่าที่ไม่เวิร์คเป็นเพราะอะไร  📍ขายยังไงให้ประสบความสำเร็จ ข้อที่ 1 คำนึงถึงราคาสินค้าที่เราจะขาย ต้องเป็นราคาที่ใช้ง่ายจ่ายคล่อง ในเรื่องของราคา เป็นสิ่งแรกที่เหล่านักช้อปออนไลน์มักจะให้ความสำคัญและให้ความสนใจเป็นอันดับแรกไม่ว่าจะเจอสินค้าอะไรก็ตามบนโลกอินเทอร์เน็ต ซึ่งราคาที่คนส่วนใหญ่มีความรู้สึกว่าอยากจะใช้จ่ายก็อยู่ที่ประมาณ 500-1500 บาท โดยเราจะดึงเงินจากเหล่านักช้อปออนไลน์ได้ 500 หรือ 1500 ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของตัวบุคคลว่าจะพูดคุยกับลูกค้าได้อย่างมีวาทศิลป์มากแค่ไหน ซึ่งการคุยผ่านโลกออนไลน์มันง่ายกว่าการคุยต่อหน้าอย่างมากเลยล่ะ   ข้อที่ 2 ของทุกชิ้นต้องใช้เวลาส่งที่รวดเร็ว ในการสั่งสินค้าออนไลน์ ความเร็วในการจัดส่งสินค้าให้ถึงมือผู้บริโภคเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากเลยล่ะ ยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่ลูกค้ามีความรู้สึกว่าสั่งในวันนี้แล้ววันรุ่งขึ้นมีของมาถึงมือเลย จะทำให้ลูกค้าอยากกลับมาสั่งซื้อใหม่อย่างมากเลยล่ะ ซึ่งในการสั่งครั้งแรกของลูกค้า มักจะเป็นการสั่งเพื่อทดลองสินค้าซะส่วนใหญ่นะ  ข้อที่ 3 ขนาดสินค้าที่ไม่ควรใหญ่เกินกล่องไปรษณีย์ ยิ่งสินค้าที่เราจะต้องส่ง มีขนาดเล็กเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้เราและลูกค้ารู้สึกประหยัดได้มากขึ้นเท่านั้น และถ้าหากว่าสินค้าที่เราส่งนั้นมีขนาดใหญ่มากจนต้องบวกค่าส่งถึง 200 บาทล่ะ รับรองว่าลูกค้าคงรู้สึกแพงไม่น้อยเลย  ข้อที่ 4 สะสมลูกค้าเก่าไปเรื่อยๆ สิ่งที่ยากของการขายของออนไลน์ในช่วงแรกๆ คือการหาลูกค้าและการทำให้ลูกค้าเหล่านั้นเป็นลูกค้าประจำของเรา แต่ถ้าหากเมื่อไหร่ก็ตามที่เราทำได้แล้ว ในช่วงเดือนต่อๆ ไปจะช่วยลดความเหนื่อยในการหาลูกค้าได้อย่างมากเลยล่ะ  ข้อที่ 5 พยายามนำหน้าคนอื่นอยู่เสมอ การนำหน้าคนอื่นหรือนำหน้าคู่แข่ง เป็นการสร้างความได้เปรียบให้กับเราได้อย่างมากเลยล่ะ ยิ่งเราสามารถนำหน้าคู่ได้มากเท่าไหร่ รับรองว่ายอดขายของเราก็จะมากกว่าคู่แข่งอย่างมากเลย และการนำหน้าคู่แข่งที่ว่านี้ก็คือการใส่นวัตกรรมใหม่ๆ เข้าไปในตัวสินค้า หรืออาจจะพยายามสร้างเรื่องราวต่างๆ ให้คนได้เห็นถึงความสำคัญของสินค้าของเราเพื่อที่จะให้คนทั่วไปได้อ่านแล้วตระหนักถึงความสำคัญจนต้องซื้อใช้สินค้าของเรานะ   ข้อที่ 6 ยิ่งเริ่มต้นยากเท่าไหร่ คู่แข่งก็จะเลียนแบบยากเท่านั้น ในปัจจุบันการขายของออนไลน์มีให้เห็นอยู่เกลื่อนอย่างมากเลยล่ะ และที่เรามักจะเห็นอยู่บ่อยๆ ก็คือสินค้าที่เกี่ยวกับความสวยความงามอย่างเช่นสินค้าเพิ่มความขาว ซึ่งแน่นอนว่าสินค้าในลักษณะนี้มีการเริ่มต้นที่ไม่ค่อยยากเท่าไหร่และก็จะเห็นได้ว่ามีคู่แข่งอยู่เยอะอย่างมากเลยล่ะ แต่ถ้าหากเราเลือกที่จะขายสินค้าที่ผลิตได้ยาก มีการนำเข้าที่ยากลำบากหรือต้องใช้ฝีมือสูงในการผลิต รับรองได้ว่าจะเป็นสินค้าที่คู่แข่งน้อยหรืออาจจะไม่มีคู่แข่งเลยก็ว่าได้นะ  ข้อที่ 7 ต้องรู้จักการตั้งราคา การขายของออนไลน์นั้น เราทุกคนรู้ดีว่าสินค้าที่เรารับมามักจะมีราคาที่ถูกกว่าราคาขายอยู่เสมอ แต่ว่าเราจะตั้งราคาอย่างไรล่ะ ซึ่งในการตั้งราคาสินค้าที่จะขาย เราจะใช้หลักอย่างง่ายๆ ในการขายดังนี้ - ตั้งราคาให้ต่ำกว่าท้องตลาด 30% - กำไรจากต้นทุนต้องได้ขั้นต่ำ 4.5 เท่า - เมื่อจัดโปรโมชั่นให้สินค้า จะเหลือ 3 เท่า - ราคาส่งจะต้องได้กำไร 1.5-2 เท่า  ----------------------------------------------------------------------------------- สนใจบริการดูแลการตลาดออนไลน์ | ทำการตลาดออนไลน์ | ทำกราฟฟิคครบวงจร | สามารถติดต่อเราได้ตลอด  | รับสร้างแบรนด์  | รับทำการตลาดออนไลน์  | รับทำแผนการตลาดออนไลน์  | รับสร้างแบรนด์  | รับดูแล Facebook แฟนเพจ  | รับดูแล LINE OA    สามารถติดต่อเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง   รายละเอียดบริการดูแลการตลาดออนไลน์ >> https://www.chatstickmarket.com/langran  ตัวอย่าง ผลงานแบรนด์ต่างๆ ที่เราดูแลการตลาดออนไลน์ให้ >> https://www.chatstickmarket.com/portfolio  ------------------------------------------------------------------------------------  💙ปรึกษาทีมงานของเรา💙 📱Tel : 0840104252 📱0947805680 สายด่วนออฟฟิศ : 034-900-165 , 02-297-0811 (จันทร์-ศุกร์) 📨 Inbox : http://m.me/ChatStick.TH  ┏━━━━━━━━━┓ 📲 LINE: @chatstick ┗━━━━━━━━━┛ หรือคลิ๊ก https://goo.gl/KuzCpM  🎉รายละเอียดที่ http://www.chatstickmarket.com/langran  🎉ชมผลงานเราได้ที่ https://www.chatstickmarket.com/portfolio

สูตรขายของออนไลน์ ให้ประสบความสำเร็จ✨


ในปัจจุบัน โลกอินเทอร์เน็ตเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยสร้างรายได้ให้กับตัวเองได้ง่ายอย่างมาก โดยอาจจะใช้เป็นแหล่งหารายได้หลักหรือจะใช้เป็นแหล่งหารายได้เสริมให้ตัวเองก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งโดยขึ้นอยู่ที่ความสามารถของตัวบุคคลเอง ซึ่งแน่นอนว่าด้วยความที่อินเทอร์เน็ตเป็นสิ่งที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย จึงทำให้การขายของออนไลน์มีการแข่งขันที่สูงอย่างมากเลยล่ะ และก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะที่จะประสบความสำเร็จจนร่ำรวย แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเราก็มีสูตรขายของออนไลน์จนประสบความสำเร็จอย่างง่ายๆ มาฝากดังนี้


1. เลือกสินค้าอะไรมาขายออนไลน์ดี

ขั้นตอนแรกก็คือ พิจารณาว่าจะ ขายของออนไลน์ อะไรดี เลือกสินค้าที่เป็นที่ต้องการและน่าจะทำกำไรได้ดี อาจเป็นสินค้าที่คุณทำขึ้นเอง หรือสั่งซื้อสินค้ามาในราคาส่งก็ได้ เช่น สั่งซื้อจาก Aliexpress, Alibaba หรือจะเป็นของ OTOP ต่างจังหวัดในบ้านเราก็ได้เช่นกัน


พยายามอย่าเริ่มเลือกสินค้ามาขายออนไลน์จากการเลือกตามคนอื่น เห็นคนอื่นขายดีแล้วขายบ้าง ที่สำคัญที่สุดในขั้นตอนนี้คือ อย่าไปเลือกตามชาวบ้านอย่างเดียว อย่าเห็นว่าคนอื่นขายดีแล้วเราจะขายบ้าง หากเริ่มแบบนี้บอกเลยว่าโอกาสพังมีเยอะอยู่ มันอาจจะขายได้ในช่วงแรกๆ ก็จริง แต่สุดท้ายจะเกิดปัญหาทั้งเรื่องราคา สินค้าไร้จุดเด่น และเราคุณเองก็อาจไม่ได้มี Passion ทำให้ไม่รู้จะพัฒนาต่อยอดไปทางไหน


แนะนำให้เริ่มจากความสนใจ หรือความชอบของตัวเอง หรือให้ลอง วิเคราะห์ SWOT ของตัวเองดูว่าตัวเองมีจุดแข็งอะไรบ้าง ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร จะทำให้ประสบความสำเร็จในระยะยาวมากกว่า หากเริ่มจากการทำตามคนอื่น หรือเริ่มจากสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ชอบ ทำไปสักพักก็อยากจะเปลี่ยนอีก


2. วิจัยตลาดออนไลน์

ขั้นตอนต่อมาคือ ดูเทรนของสินค้าที่คุณอยากขายของออนไลน์ เรียนรู้จากร้านค้าออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จแล้ว และนำมาปรับใช้กับตัวเอง ลองดูว่าสินค้าอะไรความต้องการเยอะ


ลองค้นหาคีย์เวิร์ดที่ผู้บริโภคใช้ค้นหาออนไลน์เกี่ยวกับสินค้าที่คุณขาย โดยสามารถใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น Google Keyword Planner หรือจะเป็น Uber Suggest ก็ได้ อันนี้จะเป็นตัวบอกได้ดีว่าในตลาดนั้นมี Demand มากน้อยแค่ไหน


ขายของออนไลน์อะไรดี ใช้ Uber Suggest หาคำตอบ นอกจากจะสามารถนำมาเป็นข้อมูลในการโฆษณา หรือทำการตลาดแล้ว ยังทำให้รู้ด้วยว่าสินค้าไหนควรสั่งมา Stock มาก หรือสินค้าไหนไม่ต้อง Stock เยอะ เพราะหากเป็นสินค้าที่ Demand น้อย การ Stock ค้างไว้เยอะเกินไม่เป็นผลดีต่อธุรกิจแน่นอน เพราะเงินของคุณจะไปจบกับ Stock นั้นนานเกิน


ยิ่งไปกว่านั้น จากการระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา พฤติกรรมผู้บริโภค 2021 ได้เปลี่ยนไปเยอะพอสมควร ดังนั้นโมเดลธุรกิจ หรือ กลยุทธ์ต่างๆ ก็ต้องปรับตามไปด้วย โดยเฉพาะ กลยุทธ์ในการรักษาฐานลูกค้าเก่า ซึ่งควรเริ่มคิดไว้ตั้งแต่ต้น เพราะการขายของกับลูกค้าเก่าช่วยเราประหยัดต้นทุนได้ถึง 5 เท่า และยังช่วยให้รากฐานของธุรกิจมั่นคงในระยะยาว


3. วิเคราะห์คู่แข่งของคุณ

เรียนรู้ว่ามีกลยุทธ์อะไรของคู่แข่งบ้างที่ขายของออนไลน์ให้รวยได้ หากทำแล้วได้ผลดีก็นำมาปรับใช้ หรือมีอะไรที่คุณสามารถนำไปพัฒนาต่อให้ดีกว่าได้บ้าง ทำให้แบรนด์ของคุณมีการพัฒนาและค่อยๆ ไต่ขึ้นไปในระดับที่ดีขึ้นในตลาด


แนะนำว่าอย่าไปลอกคู่แข่งมาทั้งหมด การวิเคราะห์คู่แข่งคือการหาช่องว่างในตลาด ว่ายังมีช่องว่างตรงไหน ที่ลูกค้าต้องการ แต่คู่แข่งยังไม่ได้ทำ ซึ่งนั่นหมายถึงโอกาสที่คุณจะเข้าไปเล่นในช่องว่างนั้นได้


แนะนำให้ลองทำ Market Analysis ซึ่งคือการวิจัยตลาดแบบง่ายๆ ที่ช่วยให้คุณหาช่องว่างในตลาด แล้วเอามาสร้างเป็นโอกาสธุรกิจ


4. วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายของคุณ

หากคุณทำ Market Analysis ตามที่แนะนำในข้อก่อนหน้านี้ ก็จะรวมไปถึงการวิเคราะห์ตลาดกลุ่มเป้าหมายด้วยเช่นกัน


การวิเคราะห์จะช่วยให้เห็นว่าว่าใครคือกลุ่มเป้าหมายของคุณ เรียนรู้และเข้าใจพฤติกรรมการบริโภคของพวกเขาว่าเป็นอย่างไร พวกเขาชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร ทำยังไงให้พวกเขารู้สึกว่าจำเป็นที่จะต้องซื้อสินค้าของคุณ และทำให้เว็บไซต์หรือเฟสบุ๊คเพจของสินค้าคุณดึงดูดความสนใจจากพวกเขาให้ได้


หากคุณบอกว่า กลุ่มเป้าหมายของคุณคือทุกคน เพราะคุณกำลังจะขายให้ทุกคน โปรดรู้ไว้เลยว่าคุณกำลังอยู่ในจุดที่อันตราย


หลายคนที่เพิ่งเริ่มขายของออนไลน์จะงงๆ ไม่รู้ว่ากลุ่มเป้าหมายหลักคือใคร ส่งผลให้เวลาทำการตลาด หรือโฆษณา ก็จะกระจายไปกว้างๆ ซึ่งอาจทำให้ขายได้ยากมาก ให้ลองนึกชัดๆ เลยว่า ใครที่ต้องใช้สินค้านี้ ไม่ใช้ไม่ได้ แล้วเจาะไปเป็นกลุ่มๆ เพราะแต่ละคน แต่ละกลุ่มมีความต้องการที่ต่างกัน ดังนั้นข้อความที่นำเสนอออกไปก็จะต้องต่างกัน เพื่อให้ตอบโจทย์แต่ละกลุ่มมากที่สุด


5. จัดเตรียมสินค้าไว้ขาย

หลังจากที่รู้ว่าจะขายของออนไลน์อะไรดีแล้ว ก็ถึงเวลาที่ต้องจัดเตรียมสินค้าไว้สำหรับขายแล้ว หากเป็นสินค้าที่คุณทำขึ้นเองก็จัดเตรียมไว้ให้พร้อม หรือทำการสั่งซื้อสินค้าที่ต้องการจากแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบันอย่าง Alibaba หรือ Taobao


ในขั้นตอนนี้คุณต้องสามารถประเมินการสั่ง หรือผลิตสินค้าล็อตแรกได้แล้วจากการที่ประเมิน Demand ของตลาดในขั้นตอนที่ 2 เพื่อไม่ให้ สินค้าค้าง Stock เยอะเกินไป


ซึ่งหากจะสั่งจาก Alibaba ก็ต้องลองดูเรื่อง MOQ หรือจำนวนขั้นต่ำในการสั่ง ร่วมถึงค่าขนส่งด้วย โดยต้องลองมาคิดจุดที่ต้นทุนโอเคกับเราที่สุด เช่น ถ้าคุณสั่งน้อยชิ้น ต้นทุนต่อชิ้นและค่าส่งต่อชิ้นก็จะสูง หากคุณสั่งเยอะ ต้นทุนต่อชิ้นและค่าส่งต่อชิ้นก็จะต่ำ แต่มันก็อาจจะเยอะจนทำให้สินค้าค้าง Stock ได้


และที่สำคัญ อีกตัวเลขหนึ่งที่ถือเป็นต้นทุนคือ “ภาษีนำเข้า” ศึกษาให้ดีว่าสินค้าของคุณมีภาษี หรือมี VAT อะไรเพิ่มอีกเท่าไหร่


สำหรับใครที่ต้องจ้างโรงงานผลิต ไม่ว่าจะเป็นครีม หรืออาหารเสริม หรืออะไรก็แล้วแต่ ให้ศึกษาตลาดดีๆ เลย เพราะ การสั่งผลิต หรือการทำ OEM (Origianl Equipment Manufacturer) นั้นต้องมีขั้นต่ำในการผลิต เช่น 500 ชิ้น หรือ 1,000 ชิ้น ซึ่งผลิตออกมาแล้ว จะเปลี่ยนใจไม่ขายไม่ได้แล้วนะ


6. เลือก e-Commerce Platform สำหรับ ขายของออนไลน์ ที่ใช่

สำหรับคนที่ อยากขายของออนไลน์ แต่ต้นทุนต่ำ ให้เลือกแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ดูแล้วเหมาะกับสินค้า และมีกลุ่มลูกค้าเข้ามาใช้งานเยอะ ตัวอย่างของแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมในไทยก็คือ Lazada และ Shopee


แนะนำให้ศึกษาให้ดีว่าแต่ละแพลทฟอร์มมีค่า Commission เท่าไหร่ เพื่อที่คุณจะได้บวกส่วนนี้ไปในต้นทุนด้วย


นอกจากนี้หากคุณอยาก Advance ขึ้นมา สามารถเปิดขายบนเว็บไซต์ของตนเองได้ด้วยเช่นกัน อยู่ที่กลยุทธ์ของแต่ละแบรนด์ว่าจะไปพึ่ง e-Commerce Platform หรือจะทำ Platform ขึ้นมาเอง ซึ่งหากเลือกวิธีนี้ควบคู่ไปด้วย ก็จะต้องมีเว็บไซต์ โดยต้องเลือกว่าจะทำเว็บไซต์เอง ใช้ Magento WordPress หรือจะใช้เป็นเว็บไซต์สำเร็จรูป


บางแบรนด์ไม่ทำทั้ง 2 อย่าง แต่ขายบน Instagram หรือ Facebook อย่างเดียวก็ได้ ถือเป็นการทำ Social Commerce เช่นกัน ให้กลับไปดูที่ SWOT ของตัวเองว่าถนัดอะไร หรือมีทีมงานพร้อมทำอะไรบ้าง เช่น การทำ Social Media ต้องทำคอนเทนต์เก่ง ต้องยิ่งโฆษณาเก่ง ซึ่งหากคุณทำไม่ได้ ก็อาจจะต้องลองพิจารณาทางเลือกอื่นที่เข้ากับ Skill ของตนเอง หรือของทีม


7. สร้าง Traffic ออนไลน์

หลังจากที่คุณมีเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย หรือแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซแล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อไปก็คือการสร้าง Traffic ให้คนเข้ามาเยี่ยมชมเยอะๆ อาจจะผ่านการโฆษณาในโซเชียลมีเดีย หรือใช้เทคนิคการทำ SEO บนเว็บไซต์ของคุณเพื่อให้ลูกค้าค้นหาแล้วเจอเว็บไซต์ขึ้นมาหน้าแรก (หากทำไม่เป็นให้ลองค้นหา Google ว่า “รับทำ SEO คุณภาพ” และเลือกติดต่อสอบถามดูเองได้เลย)


แต่หากคุณขายบน e-Commerce Platform หรือ Online Marketplace ต่างๆ ให้ลองศึกษาดูว่า จะทำอย่างไรให้สินค้าของเราไปขึ้นบนเว็บไซต์ในจุดที่คนน่าจะคลิกเข้ามาเยอะๆ เช่น เข้าร่วมแคมเปญลดราคา ใส่ Keyword ในเนื้อหาเยอะ หรือกระตุ้นให้ลูกค้าเข้ามารีวิวเยอะๆ เป็นต้น


การมีช่องทางออนไลน์ก็เหมือนมีหน้าร้าน การสร้าง Traffic ก็เหมือนการเรียกลูกค้าเข้าร้าน หากวันนี้คุณหา Traffic จำนวนมากเข้าร้านได้แล้ว คำถามต่อไปคือ คนที่เข้ามาในร้านมีคุณภาพมากน้อยแค่ไหน เข้ามาแล้วออกเลยหรือเปล่า ดังนั้น User Experience (UX) และ User Interface (UI) สำคัญต่อการดึง Traffic ให้มากเป็นยอดขายมาก


8. พัฒนาธุรกิจให้เติบโต

เมื่อเริ่มขายได้แล้ว ต่อไปก็ต้องมาเริ่มพัฒนาธุรกิจให้โตขึ้น ถ้าคุณ อยาก ขายของออนไลน์ ให้ประสบความสำเร็จ ก็ต้องเรียนรู้เกี่ยวกับธุรกิจของตัวเองตลอดเวลา ศึกษาถึงพฤติกรรมของผู้บริโภค สินค้าอะไรที่ขายดีก็ดำเนินการต่อไป และมองหาโอกาสของสินค้าประเภทหรือแบบใหม่ๆ เป็นตัวเลือกสำหรับลูกค้าเพิ่มขึ้นด้วย น้อมรับคำติชมเพื่อนำมาพัฒนาร้านค้าออนไลน์ของคุณให้ดีขึ้น


สำหรับขั้นตอนนี้ ขอย้ำให้ทำ SWOT และ Market Analysis อีกครั้ง เผื่อเจอโอกาสใหม่ๆ หรือหากใครอยากพัฒนาจากของเดิมให้ดีขึ้น ต้องไปลองทำ Value Chain จะเห็นภาพเลยว่า จากที่เราทำอยู่เดิม จะสามารถพัฒนาให้ดีขึ้นอย่างไรได้บ้าง


หากใครเริ่มขายแล้วยังไม่สำเร็จก็ไม่ต้องตกใจ บางคนล้มเป็น 10 ครั้งกว่าจะขายได้ หัวใจสำคัญคือต้องทดลอง และวัดผลลัพธ์ออกมาให้ได้ ว่าที่ไม่เวิร์คเป็นเพราะอะไร


📍ขายยังไงให้ประสบความสำเร็จ

ข้อที่ 1 คำนึงถึงราคาสินค้าที่เราจะขาย ต้องเป็นราคาที่ใช้ง่ายจ่ายคล่อง

ในเรื่องของราคา เป็นสิ่งแรกที่เหล่านักช้อปออนไลน์มักจะให้ความสำคัญและให้ความสนใจเป็นอันดับแรกไม่ว่าจะเจอสินค้าอะไรก็ตามบนโลกอินเทอร์เน็ต ซึ่งราคาที่คนส่วนใหญ่มีความรู้สึกว่าอยากจะใช้จ่ายก็อยู่ที่ประมาณ 500-1500 บาท โดยเราจะดึงเงินจากเหล่านักช้อปออนไลน์ได้ 500 หรือ 1500 ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของตัวบุคคลว่าจะพูดคุยกับลูกค้าได้อย่างมีวาทศิลป์มากแค่ไหน ซึ่งการคุยผ่านโลกออนไลน์มันง่ายกว่าการคุยต่อหน้าอย่างมากเลยล่ะ

ข้อที่ 2 ของทุกชิ้นต้องใช้เวลาส่งที่รวดเร็ว

ในการสั่งสินค้าออนไลน์ ความเร็วในการจัดส่งสินค้าให้ถึงมือผู้บริโภคเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากเลยล่ะ ยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่ลูกค้ามีความรู้สึกว่าสั่งในวันนี้แล้ววันรุ่งขึ้นมีของมาถึงมือเลย จะทำให้ลูกค้าอยากกลับมาสั่งซื้อใหม่อย่างมากเลยล่ะ ซึ่งในการสั่งครั้งแรกของลูกค้า มักจะเป็นการสั่งเพื่อทดลองสินค้าซะส่วนใหญ่นะ


ข้อที่ 3 ขนาดสินค้าที่ไม่ควรใหญ่เกินกล่องไปรษณีย์

ยิ่งสินค้าที่เราจะต้องส่ง มีขนาดเล็กเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้เราและลูกค้ารู้สึกประหยัดได้มากขึ้นเท่านั้น และถ้าหากว่าสินค้าที่เราส่งนั้นมีขนาดใหญ่มากจนต้องบวกค่าส่งถึง 200 บาทล่ะ รับรองว่าลูกค้าคงรู้สึกแพงไม่น้อยเลย


ข้อที่ 4 สะสมลูกค้าเก่าไปเรื่อยๆ

สิ่งที่ยากของการขายของออนไลน์ในช่วงแรกๆ คือการหาลูกค้าและการทำให้ลูกค้าเหล่านั้นเป็นลูกค้าประจำของเรา แต่ถ้าหากเมื่อไหร่ก็ตามที่เราทำได้แล้ว ในช่วงเดือนต่อๆ ไปจะช่วยลดความเหนื่อยในการหาลูกค้าได้อย่างมากเลยล่ะ


ข้อที่ 5 พยายามนำหน้าคนอื่นอยู่เสมอ

การนำหน้าคนอื่นหรือนำหน้าคู่แข่ง เป็นการสร้างความได้เปรียบให้กับเราได้อย่างมากเลยล่ะ ยิ่งเราสามารถนำหน้าคู่ได้มากเท่าไหร่ รับรองว่ายอดขายของเราก็จะมากกว่าคู่แข่งอย่างมากเลย และการนำหน้าคู่แข่งที่ว่านี้ก็คือการใส่นวัตกรรมใหม่ๆ เข้าไปในตัวสินค้า หรืออาจจะพยายามสร้างเรื่องราวต่างๆ ให้คนได้เห็นถึงความสำคัญของสินค้าของเราเพื่อที่จะให้คนทั่วไปได้อ่านแล้วตระหนักถึงความสำคัญจนต้องซื้อใช้สินค้าของเรานะ

ข้อที่ 6 ยิ่งเริ่มต้นยากเท่าไหร่ คู่แข่งก็จะเลียนแบบยากเท่านั้น

ในปัจจุบันการขายของออนไลน์มีให้เห็นอยู่เกลื่อนอย่างมากเลยล่ะ และที่เรามักจะเห็นอยู่บ่อยๆ ก็คือสินค้าที่เกี่ยวกับความสวยความงามอย่างเช่นสินค้าเพิ่มความขาว ซึ่งแน่นอนว่าสินค้าในลักษณะนี้มีการเริ่มต้นที่ไม่ค่อยยากเท่าไหร่และก็จะเห็นได้ว่ามีคู่แข่งอยู่เยอะอย่างมากเลยล่ะ แต่ถ้าหากเราเลือกที่จะขายสินค้าที่ผลิตได้ยาก มีการนำเข้าที่ยากลำบากหรือต้องใช้ฝีมือสูงในการผลิต รับรองได้ว่าจะเป็นสินค้าที่คู่แข่งน้อยหรืออาจจะไม่มีคู่แข่งเลยก็ว่าได้นะ


ข้อที่ 7 ต้องรู้จักการตั้งราคา

การขายของออนไลน์นั้น เราทุกคนรู้ดีว่าสินค้าที่เรารับมามักจะมีราคาที่ถูกกว่าราคาขายอยู่เสมอ แต่ว่าเราจะตั้งราคาอย่างไรล่ะ ซึ่งในการตั้งราคาสินค้าที่จะขาย เราจะใช้หลักอย่างง่ายๆ ในการขายดังนี้

- ตั้งราคาให้ต่ำกว่าท้องตลาด 30%

- กำไรจากต้นทุนต้องได้ขั้นต่ำ 4.5 เท่า

- เมื่อจัดโปรโมชั่นให้สินค้า จะเหลือ 3 เท่า

- ราคาส่งจะต้องได้กำไร 1.5-2 เท่า


-----------------------------------------------------------------------------------

สนใจบริการดูแลการตลาดออนไลน์ | ทำการตลาดออนไลน์ | ทำกราฟฟิคครบวงจร | สามารถติดต่อเราได้ตลอด | รับสร้างแบรนด์ | รับทำการตลาดออนไลน์ | รับทำแผนการตลาดออนไลน์ | รับสร้างแบรนด์ | รับดูแล Facebook แฟนเพจ | รับดูแล LINE OA สามารถติดต่อเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง

รายละเอียดบริการดูแลการตลาดออนไลน์

ตัวอย่าง ผลงานแบรนด์ต่างๆ ที่เราดูแลการตลาดออนไลน์ให้

------------------------------------------------------------------------------------


💙ปรึกษาทีมงานของเรา💙

📱Tel : 0840104252 📱0947805680

สายด่วนออฟฟิศ : 034-900-165 , 02-297-0811 (จันทร์-ศุกร์)

┏━━━━━━━━━┓

📲 LINE: @chatstick

┗━━━━━━━━━┛

หรือคลิ๊ก https://goo.gl/KuzCpM

🎉รายละเอียดที่ http://www.chatstickmarket.com/langran

🎉ชมผลงานเราได้ที่ https://www.chatstickmarket.com/portfolio

แท็ก:

ดู 18 ครั้ง
CS_Redesign_คอนเทนต์เดิม2_2.png
CS_Redesign_คอนเทนต์เดิม3.png
Recent Posts
c24f0332fa3b87f8a304140403b893510_64100212_210625.jpg
244712625_300456528129611_2152723951836713111_n.jpg
5.png
4.png
Button Event สติกเกอร์.png
2.png
Button ChatStick Market.png
bottom of page