ขั้นตอนง่าย ๆ ทำได้เอง ปักหมุดร้านอาหารเพิ่มยอดขายกับ Google My Business✨
ขั้นตอนง่าย ๆ ทำได้เอง ปักหมุดร้านอาหารเพิ่มยอดขายกับ Google My Business✨
ผู้ประกอบการร้านอาหารหลาย ๆ ท่าน สอบถามปัญหาเกี่ยวกับการปักหมุดร้านบนการปักหมุดร้าน Google Map ว่าต้องทำอย่างไร หรือ แผนที่ร้านที่แสดงบนGoogle Mapไม่ตรงกับโลเคชั่นที่ร้านตั้งอยู่จะแก้ไขยังไง เราเลยจะมาบอกขั้นตอนวิธีการปักหมุดร้าน และการแก้ไขข้อมูลต่าง ๆ มาให้เพื่อน ๆ ได้ดูและทำตามได้
ต้องบอกว่า ยุคนี้เป็นต้นไปการที่ร้านถูกค้นหาได้พบบนโชเชียล และบน Google Map เป็นหนึ่งในความจำเป็นต้องมี เพื่อให้เพิ่มโอกาสเป็นที่รับรู้ของผู้คน และเพิ่มโอกาสลูกค้า ยอดขายตามมา ซึ่งการปักหมุดร้านบน Google Map เพื่อให้ติดการค้นหาได้ง่ายขึ้น สามารถทำโดย การใช้ Google My Business ใครที่ยังไม่ได้ปัก ไปดูกันได้เลย…
✨ข้อควรรู้ก่อนลงมือ ปักหมุดร้านค้า
การ Sign in เพื่อเข้าสู่ระบบของGoogle My Businessเราต้องใช้อีเมลของ Gmail นะคะ ดังนั้นถ้าธุรกิจของคุณยังไม่มีอีเมลของ Gmial เลย ต้องไปสมัคร Gmail ก่อนนะคะ วิธีการสมัครก็ง่ายมาก ๆ ค่ะ คือ
- พิมพ์ Gmail ในช่องการค้นหาของกูเกิ้ล
- เลือก ‘Sign Up’
- กรอกข้อมูลให้เรียบร้อยและกดยืนยัน
✨หลังจากเรามี Gmail แล้วก็ค่อยเริ่มทำการ ปักหมุดร้านค้า ตามขั้นตอนต่อไปนี้ได้เลยค่ะ
1. พิมพ์คำว่า Google My Business ในช่องการค้นหาของ Google และคลิกเลือกอันแรกได้เลยค่ะ
2. ถ้าเรายังไม่เคยมีgoogle my business และไม่เคยปักหมุดมาก่อนเลย ให้กดคำว่า ‘จัดการเลย’ เพื่อเข้าไปสร้างธุรกิจในกูเกิ้ล My Business ก่อนค่ะ สำหรับคนที่เคยสร้างธุรกิจไว้แล้ว ให้กดคำว่า “Sign In” เข้าสู่ระบบได้เลย
3. ใส่ชื่อธุรกิจ ชื่อร้านค้า หรือ ชื่อแบรนด์ แล้วกด ‘Next’
4. เลือก Business Category คือ ประเภทธุรกิจของเรา ยกตัวอย่างเช่น สตาร์ทอัพนาวเป็นธุรกิจประเภทการศึกษา ก็เลือกที่เกี่ยวกับ Education เป็นต้น สำหรับข้อมูลในส่วนนี้เราสามารถเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมได้ในภายหลังนะคะ กูเกิ้ลสนับสนุนให้เราได้อัพเดทข้อมูลร้านค้าให้ใหม่ทันสมัยอยู่เสมอ ดังนั้นไม่ต้องกังวลไปค่ะ
สำคัญมาก: **การเลือกประเภทธุรกิจ เราไม่สามารถพิมพ์คำใหม่ขึ้นมาเองได้นะคะ จำเป็นต้องเลือกจาก Dropdown ที่มีอยู่ในระบบเท่านั้น**
5. เลือกแสดง หรือ ไม่แสดง ตำแหน่งของร้าน คือ กรณีที่ธุรกิจของเรามีหน้าร้าน โชว์รูม หรือ มีออฟฟิศที่พร้อมรับรองลูกค้า อยากให้ลูกค้ามาเยี่ยมชมโชว์รูม มาเลือกซื้อสินค้า หรือ เข้ามาติดต่อที่บริษัท เราก็เลือกให้ตัวปักหมุดแสดงในแผนที่ google map เพื่อให้ลูกค้าสามารถกดนำทางมาที่หน้าร้านหรือที่ออฟฟิศของเราได้เลยค่ะ โดยกด ‘YES’
แต่ถ้าเราไม่มีหน้าร้าน ขายออนไลน์อย่างเดียว หรือ ออฟฟิศอาจจะไม่เหมาะกับการรับรองลูกค้า เช่น เป็นสำนักงานทั่วไปที่ไม่มีห้องรับรองหรือห้องประชุม อีกทั้งการทำงานก็อาจจะไม่จำเป็นต้องให้ลูกค้าเข้ามาที่ออฟฟิศก็ได้ แต่ใช้วิธีออกไปหาลูกค้าเอง แบบนี้เราก็กด ‘NO’ ค่ะ และกด ‘Next’
6. ใส่รายละเอียดที่อยู่ให้ครบถ้วน **ต้องใส่ให้ถูกต้องและครบทุกช่องนะคะ** เพื่อที่ระบบจะได้ทำการปักหมุดให้อัตโนมัติได้ตามที่เราใส่รายละเอียดเลย และกด ‘Next’
7. ตรวจสอบตำแหน่งร้านค้าหรือธุรกิจของเราในแผนที่อีกครั้งค่ะ เพราะในการปักหมุดอัตโนมัติที่ Google ทำให้ตามตำแหน่งที่เราใส่ข้อมูลไป อาจจะมีคลาดเคลื่อนไปบ้าง ให้เราขยับหมุดไปปักในตำแหน่งที่ถูกต้องให้เรียบร้อยค่ะ **ถ้ามองเห็นไม่ชัด สามารถกดเครื่องหมายบวกเพื่อซูมตำแหน่งได้นะคะ**
ตรวจสอบความเรียบร้อยแล้ว กด ‘Next’ ต่อไปได้เลยค่ะ
8. ตัวเลือก “การให้บริการนอกสถานที่” หมายถึง ในบางธุรกิจมีลักษณะของ delivery ยกตัวอย่างเช่น ร้านอาหารนอกจากจะนั่งทานในร้านแล้ว อาจจะมีบริการจัดส่ง หรือขายเฟอร์นิเจอร์ที่มีบริการจัดส่งในบางพื้นที่ เป็นต้น กรณีนี้จะหมายรวมถึงบางธุรกิจก็ที่มีการให้บริการนอกสถานที่ด้วยนะคะ อย่างไปยังสถานที่ของลูกค้าหรือสถานที่อื่น ๆ ตามแต่จะตกลงกับลูกค้า อาทิเช่น บริการล้าง-ซ่อมแอร์ บริการจัดเลี้ยงอาหาร จัดโต๊ะจีน เป็นต้น
9. กำหนดพื้นที่การให้บริการ ทำได้ด้วยการพิมพ์ตำแหน่งเช่น ประเทศ จังหวัด ตำแหน่ง ฯลฯ แล้วเลือกจาก drop down อีกครั้ง แต่ตรงนี้จะเป็น Optional นะคะ เราจะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ค่ะ เพราะปัจจุบันธุรกิจที่เป็นการจำหน่ายสินค้าส่วนใหญ่ที่เปิดออนไลน์ก็สามารถจัดส่งไปได้ทั่วประเทศหรือต่างประเทศก็ได้ค่ะ สามารถกด ‘Next’ ไปได้เลย
10. ใส่ข้อมูลการติดต่อของธุรกิจเรา อาทิ เบอร์โทรศัพท์ เว็บไซต์ เป็นต้น ถ้าเรามีเว็บไซต์ เราให้ใส่เป็น URL ไปเลยค่ะ แต่ถ้าเรายังไม่มีเว็บไซต์ ก็ให้กด ‘I don’t need a website’ ค่ะ และกด ‘Next’
11. กำหนดการรับข่าวสารข้อมูลจาก Google คือทาง Google ต้องการส่งข่าวสารให้กับเราผ่านอีเมล ซึ่งถ้าเราไม่ต้องการรับข่าวสารอัพเดทหรือโฆษณาต่าง ๆ จากกูเกิ้ล ก็สามารถเลือกไม่รับได้ค่ะ และกด ‘Next’
12. กด ‘Finish’ เพื่อบันทึกข้อมูลลงระบบ
13. หลังจากบันทึกข้อมูลพื้นฐานแล้ว ระบบจะแนะนำให้เราใส่ข้อมูลร้านค้าหรือธุรกิจเพิ่มเติมค่ะ โดยเริ่มจากการกำหนดวันเวลาที่เปิดให้บริการ ทั้งนี้เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่ทำการค้นหา ขวัญแนะนำให้ทุกท่านใส่ข้อมูลที่ถูกต้องลงไปให้ครบถ้วนนะคะ เพื่อว่าเวลาที่ลูกค้าต้องการโทรสอบถามหรือเข้ามาที่ร้านจะได้ไม่เสียเที่ยว เสียเวลาค่ะ แล้วตรวจสอบข้อมูลให้เรียบร้อยก่อนกดเซฟค่ะ
14. ใส่คำอธิบายเบื้องต้นเกี่ยวกับธุรกิจ คือ คำอธิบายคร่าว ๆ ว่าธุรกิจของเราทำเกี่ยวกับอะไร มีสินค้าหรือบริการอะไรบ้าง เหมาะกับใคร เป็นต้น
ให้สังเกตว่าในช่องที่ให้ระบุคำอธิบายเบื้องต้นนี้จะจำกัดเพียง 750 ตัวอักษรเท่านั้น ดังนั้นวิธีการเขียนคำอธิบายเบื้องต้นที่ถูกต้องก็คือ ต้องเขียนให้ครอบคลุม กระชับ เข้าใจง่าย และต้องส่งเสริมให้เกิดการตัดสินใจซื้อด้วยค่ะ เพื่อที่ว่าเวลากลุ่มเป้าหมายเสิร์ชและเห็นการแสดงผลของธุรกิจเราจะได้อยากกดเข้าไปดูเว็บไซต์ของเรา หรือ ติดต่อสอบถามเข้ามา ซึ่งจะช่วยให้เราปิดการขายได้ง่ายขึ้นนะคะ
15. เราสามารถใส่รูปที่เกี่ยวกับธุรกิจ หน้าร้าน สินค้า หรือแบรนด์ของเราเพิ่มเติมได้นะคะ หรืออาจจะใส่เป็นโลโก้ก็ได้ค่ะเพื่อสร้างการจดจำ ซึ่งในส่วนนี้จะเป็น Optional นะคะ คือ จะใส่ก็ได้หรือไม่ใส่ก็ได้ค่ะ
อย่างไรก็ตาม มีบางธุรกิจที่ขวัญแนะนำว่าจำเป็นต้องใส่รูปนะคะ ได้แก่ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ คาเฟ่ เบเกอรี่ สถานที่ท่องเที่ยว ห้องพัก โรงแรมรีสอร์ต ซึ่งเป็นธุรกิจที่รูปภาพมีผลต่อการตัดสินใจของลูกค้าอย่างมาก ว่าจะติดต่อเข้ามาหรือเข้ามาที่ร้านหรือไม่
ดังนั้นนอกจากจะต้องลงรูปแล้ว ขวัญแนะนำว่ารูปที่ลงจะต้องคัดเลือกมาแล้วว่าสวยงาม น่าดึงดูด อาหารก็ดูน่าอร่อย บรรยากาศดี ห้องพักสวยมีสไตล์ แบบนี้จึงจะสามารถเพิ่มโอกาสในการปิดการขายได้มากขึ้นค่ะ
วิธีการใส่รูปก็ง่ายมากค่ะ ให้กด ‘Add Photo’ แล้วก็เลือกรูปที่อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราได้เลย จากนั้นกด ‘Next’ ค่ะ แต่ถ้าตอนที่ทำ เรายังไม่มีรูปที่สวยเหมาะสม ก็สามารถคลิก ‘Skip’ ไปก่อนได้นะคะ แล้วเราค่อยกลับมาอัพเดทข้อมูลและรูปภาพในภายหลังได้ค่ะ
16. ระบบแจ้งให้ทราบว่าเราสามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูล รวมถึงอัพเดทข้อมูลเพิ่มเติมได้ตลอดเวลา กด ‘Continue’
เสร็จจากขั้นตอนนี้แล้ว เราจะพักไว้ก่อนก็ได้แล้วค่อยมาแก้ไขข้อมูลเพิ่มเติมภายหลัง หรือจะแก้ไขไปเลยก็ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีค่ะ ถ้าต้องการทำเลย ให้กด ‘Get Started’
17. ระบบจะนำเราเข้ามาสู่หน้า Dashboard ของ Google My Business ซึ่งเราสามารถตั้งค่าอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ เช่น Add photo เพิ่ม ใส่ข้อมูลร้านค้าเพิ่มเติม แก้ไขอัพเดทข้อมูลร้าน แก้ไขชื่อ ที่อยู่ ฯลฯ วิธีแก้ไขให้กดคำว่า ‘Info’ ตรงแถบเมนูด้านซ้าย รวมไปถึงเราสามารถ Add product เบื้องต้นเบื้องต้นได้ด้วยนะคะ โดยใส่ตรงช่อง Services ค่ะ
ที่น่าสนใจและควรให้ความสำคัญ คือ ในแถบเมนูด้านซ้าย จะมีคำว่า ‘Insight’ หมายถึงข้อมูลเชิงลึกของร้านค้า ที่แสดงผลให้เห็นว่าหลังจากเราปักหมุดร้านค้าใน Google My Business ไปแล้ว กูเกิ้ลได้แสดงผลร้านของเราในการค้นหาที่เกี่ยวข้องไปกี่ครั้งแล้ว มีคนที่เสิร์ชหาชื่อธุรกิจร้านค้าของเรากี่ครั้ง มีคนที่เสิร์ชหาธุรกิจแบบเดียวกับเราในลักษณะ Location Search (เช่น ร้านกาแฟทองหล่อ ร้านอาหารรังสิต) ในพื้นที่ที่เราปักหมุดไว้จำนวนเท่าไหร่ ฯลฯ
นอกจากนี้ ยังมีเมนู ‘Reviews’ ที่เราสามารถเปิดให้ร้านค้ามารีวิวร้านค้าหรือธุรกิจของเราได้ด้วยเพื่อช่วยเพิ่มในเรื่องความน่าเชื่อถือ ถ้ารีวิวเราได้คะแนนดี ลูกค้าใหม่ ๆ ก็จะมาหาเรามากขึ้นโดยที่เราอาจจะไม่ต้องเสียเงินค่าโฆษณาเลยก็ได้ค่ะ
-----------------------------------------------------------------------------------
สนใจบริการดูแลการตลาดออนไลน์ | ทำการตลาดออนไลน์ | ทำกราฟฟิคครบวงจร | สามารถติดต่อเราได้ตลอด | รับสร้างแบรนด์ | รับทำการตลาดออนไลน์ | รับทำแผนการตลาดออนไลน์ | รับสร้างแบรนด์ | รับดูแล Facebook แฟนเพจ | รับดูแล LINE OA สามารถติดต่อเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง
รายละเอียดบริการดูแลการตลาดออนไลน์
ตัวอย่าง ผลงานแบรนด์ต่างๆ ที่เราดูแลการตลาดออนไลน์ให้
------------------------------------------------------------------------------------
💙ปรึกษาทีมงานของเรา💙
📱Tel : 0840104252 📱0947805680
สายด่วนออฟฟิศ : 034-900-165 , 02-297-0811 (จันทร์-ศุกร์)
📨 Inbox : http://m.me/ChatStick.TH
┏━━━━━━━━━┓
📲 LINE: @chatstick
┗━━━━━━━━━┛
หรือคลิ๊ก https://goo.gl/KuzCpM
🎉รายละเอียดที่ http://www.chatstickmarket.com/langran
🎉ชมผลงานเราได้ที่ https://www.chatstickmarket.com/portfolio
Comments