top of page

10 วิธีเริ่มต้นทำธุรกิจอย่างไรให้รวย❗


10 วิธีเริ่มต้นทำธุรกิจอย่างไรให้รวย❗  เจ้าของธุรกิจ หรือ “Entrepreneur” นับว่าเป็นความฝันสูงสุดของผู้ที่อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง เพราะการทำงานประจำมันค่อนข้างน่าเบื่อและยังไม่ตอบโจทย์คนที่คิดนอกกรอบเท่าไหร่นัก หลายปีมานี้มีเจ้าของธุรกิจหน้าใหม่เกิดขึ้นมากมายทั้งที่เป็น SME และ Startup ที่หลายคนคิดว่าทำงานได้ดั่งใจ ได้เงินง่าย รวยเร็ว แต่ในความเป็นจริงแล้ว การทำธุรกิจให้ “รวย” นั้น ยากเสียยิ่งกว่าหางานที่ให้ค่าตอบแทนดีๆ เสียอีก เพราะต้องอาศัยความมุ่งมั่น ทุ่มเท และทำงานหนักอย่างไม่หยุดหย่อนตั้งแต่ริเริ่มไปจนธุรกิจเข้าที่เข้าทาง ก็ต้องไม่ลืมที่จะพัฒนาธุรกิจให้คงอยู่อย่างยั่งยืน ตลอดจนไม่พลาดในเรื่องการเงินหรือภาษีที่ใช้หลักคำนวณยากและเยอะกว่าภาษีเงินได้ของคนทำงานประจำ ดังนั้นคำว่า “รวยเร็ว รวยง่าย” จึงไม่มีจริง มีแต่ต้องริเริ่มและคิดอย่างเป็นขั้นตอนถี่ถ้วน

10 วิธีเริ่มต้นทำธุรกิจอย่างไรให้รวย❗


เจ้าของธุรกิจ หรือ “Entrepreneur” นับว่าเป็นความฝันสูงสุดของผู้ที่อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง เพราะการทำงานประจำมันค่อนข้างน่าเบื่อและยังไม่ตอบโจทย์คนที่คิดนอกกรอบเท่าไหร่นัก หลายปีมานี้มีเจ้าของธุรกิจหน้าใหม่เกิดขึ้นมากมายทั้งที่เป็น SME และ Startup ที่หลายคนคิดว่าทำงานได้ดั่งใจ ได้เงินง่าย รวยเร็ว แต่ในความเป็นจริงแล้ว การทำธุรกิจให้ “รวย” นั้น ยากเสียยิ่งกว่าหางานที่ให้ค่าตอบแทนดีๆ เสียอีก เพราะต้องอาศัยความมุ่งมั่น ทุ่มเท และทำงานหนักอย่างไม่หยุดหย่อนตั้งแต่ริเริ่มไปจนธุรกิจเข้าที่เข้าทาง ก็ต้องไม่ลืมที่จะพัฒนาธุรกิจให้คงอยู่อย่างยั่งยืน ตลอดจนไม่พลาดในเรื่องการเงินหรือภาษีที่ใช้หลักคำนวณยากและเยอะกว่าภาษีเงินได้ของคนทำงานประจำ ดังนั้นคำว่า “รวยเร็ว รวยง่าย” จึงไม่มีจริง มีแต่ต้องริเริ่มและคิดอย่างเป็นขั้นตอนถี่ถ้วน

1.ถามตัวเองชัด ๆ ว่า อยากลงทุนทำธุรกิจอะไรดี

คำถามแรกที่ต้องถามใจตัวเองว่า มีไอเดียอยากทำอะไร แล้วสามารถพัฒนาต่อยอดไปได้แค่ไหน ไม่ใช่แค่อยากทำก็ทำ ผู้ที่อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองหลายต่อหลายคนล้มง่าย ๆ เพราะแค่อยากทำธุรกิจส่วนตัวแต่ไม่รู้จะทำอะไร หรือลองลงทุนไปก่อนโดยไม่รู้แน่ชัดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ไม่ได้ตั้งเป้าหมายของธุรกิจเอาไว้ พอเป้าหมายไม่ชัด ธุรกิจก็ไม่ดำเนินไปในทางที่ควร ดังนั้นสิ่งสำคัญก่อนจะไปไกลเกินก็คือ “เป้าหมายที่ชัดเจน” ที่นำไปสู่ Passion นั่นเอง


2. ลงมือเขียนเกี่ยวกับตัวเองว่ามีความถนัดด้านอะไรบ้าง

การเริ่มต้นทำธุรกิจ สามารถลงมือทำได้ง่ายขึ้นด้วยการลงมือสำรวจตัวเองว่ามีความถนัด ความรู้ความเชี่ยวชาญด้านใดเป็นพิเศษบ้าง สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณ “ได้เปรียบ” ในการแข่งขันทางธุรกิจอีกด้วย เช่น คุณเรียนจบทางด้านวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ มีความสามารถในการเขียนโปรแกรมที่ช่วยงานได้หลากหลาย คุณสามารถใช้ความรู้ความสามารถในเรื่องนี้เพื่อเริ่มต้นทำธุรกิจของคุณเองได้ทันทีด้วยการเขียนโปรแกรมขาย พร้อมกับฝึกทักษะการขายไปในตัว เป็นต้น หรือบางคนมีความสามารถด้านภาษาอังกฤษ สามารถทำงานแปลภาษาเป็นธุรกิจของตัวเองได้ บางคนชอบทำขนม ถนัดการทำอาหาร ทำกาแฟ ตัดผม ฯลฯ สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณเริ่มต้นธุรกิจด้วยความเชี่ยวชาญได้ง่ายขึ้น


แต่บางคนอาจจะไม่ถนัดอะไรเลยสักอย่าง มีความสามารถแบบเป็ดๆ เองก็เป็นเช่นนั้น ถ้าคุณชอบงานขาย ชอบงานจับเสือมือเปล่า ไม่ต้องลงทุนมาก ลงแรงอย่างเดียว คุณอาจจะค้นพบความสามารถในการเป็นนายหน้าให้กับหลายๆ ธุรกิจ เช่น ธุรกิจนายหน้าที่ดิน ตัวแทน ขายประกัน ขายตรง นายหน้า B2B ฯลฯ ซึ่งความสามารถเหล่านี้จะทำให้คุณโดดเด่นในการเข้าสู่โลกธุรกิจมากขึ้น เพราะงานขายถือว่าเป็นสกิลที่สำคัญที่สุดสำหรับการสร้างยอดขายและความมั่งคั่งเข้าสู่กระเป๋าคุณ


3. ตัดสินใจว่าจะทำธุรกิจแบบ “B2B” หรือ “B2C”

รูปแบบการทำธุรกิจทั้ง 2 โมเดลนี้ แต่ก็จะขออธิบายซ้ำอีกครั้งเพื่อความเข้าใจสำหรับคนใหม่ จงถามตัวเองว่าคุณชอบธุรกิจรูปแบบไหน แล้วเริ่มลงมือทำได้เลย


B2B (Business-to-Business) เป็นธุรกิจที่กลุ่มลูกค้าคือตัวบริษัท องค์กร เป็นหลัก ซึ่งมุ่งเน้นการขายสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์อีกธุรกิจหนึ่ง ทำให้อีกธุรกิจได้ประโยชน์ที่ดีขึ้น เช่น ได้กำไรเพิ่มขึ้น ต้นทุนลดลง ประหยัดเวลาทำงานมากขึ้น เป็นต้น ตัวอย่างธุรกิจ B2B เช่น ธุรกิจเอเจนซี่โฆษณา ธุรกิจติดแอร์บริษัท ธุรกิจระบบคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ธุรกิจขายเครื่องจักรเข้าโรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น ซึ่งธุรกิจกลุ่มนี้มีข้อดีคือไม่ต้องทำการตลาด ลงทุนด้านโฆษณาอะไรมากมาย สินค้าที่ขายเน้นการตอบโจทย์ผู้ซื้อ สินค้าบางอย่างมีมูลค่ามหาศาลซึ่งคนธรรมดาไม่สามารถซื้อได้และไม่จำเป็น แต่ข้อเสียคือต้องเน้น “นักขาย” เป็นหลัก มีกระบวนการซื้อที่ใช้ระยะเวลา ช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับมูลค่าของสินค้า บางทีลูกค้าขอผ่อนผันการชำระเงินขั้นต่ำ 1 เดือน ทำให้คุณอาจจะขาดกระแสเงินสดได้ อีกทั้งยังมีจำนวนลูกค้าที่มีอยู่จำกัด ขึ้นอยู่กับขนาดของตลาดว่าสินค้าคุณขายได้มากแค่ไหน


B2C (Business-to-Customer) เป็นธุรกิจที่กลุ่มลูกค้าคือคนทั่วไป เน้นการขายแบบแมส (Mass Market) ซึ่งสินค้าและบริการจะขายให้กับรายบุคคล พูดง่ายๆ ก็คือกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ซื้อกินซื้อใช้ อาหาร เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค ธุรกิจออนไลน์ ธุรกิจขายรถ ขายบ้าน ขายที่ดิน ฯลฯ กลุ่มนี้ถือว่าเป็น B2C ทั้งหมด ต้องพึ่งพา “การตลาด” โดยเฉพาะการโฆษณาอย่างมหาศาลเพื่อให้คนเป็นที่รู้จักและสนใจ การตลาดจะเป็นเรื่องที่จำเป็นที่สุดเหนือการขายในหลายๆ กรณี ข้อดีคือถ้าคุณทำตลาดได้ดี สินค้ามีราคาน่าสนใจ คุณมีสิทธิ์รวยมากเพราะลูกค้าที่มาซื้อนั้นมีจำนวนมาก แต่คุณจะต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่มากมายเช่นกัน คุณต้องเชี่ยวชาญกลยุทธ์ทางการตลาด การตั้งราคา ลด แลก แจก แถม ต่างๆ เพื่อให้คุณนำหน้าเหนือคู่แข่งให้ได้

4. ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนว่าจะทำธุรกิจไปเพื่ออะไร

ถ้าตอบให้ชัดว่าทำเพราะอยากรวยร้อยล้าน พันล้าน อย่างนี้ถือว่าดีครับ ชัดเจนดี แต่ถ้าเป้าหมายคืออยากสบาย เห็นคนอื่นรวยก็อยากรวยบ้าง อย่างนี้อาจจะไม่ชัดเจนนัก เป้าหมายในการทำธุรกิจต้องมีตัวเลข โดยเฉพาะยอดขายหรือขนาดของธุรกิจให้ชัดเจน คุณมีสิทธิ์ฝันว่าเป็นเศรษฐีร้อยล้าน พันล้านได้ สิ่งเหล่านี้คือเป้าหมายที่คุณต้องลงมือทำ ต่อให้ยังไปไม่ถึง แต่ผมเชื่อว่าคุณจะได้อะไรจากการลงมือทำธุรกิจไปได้มากเลยทีเดียว


แรงกระตุ้นที่ดีสำหรับการทำธุรกิจก็คือ “การส่งมอบธุรกิจ” ให้กับคนที่คุณรัก ถ้าคุณทำสำเร็จ คุณสามารถมอบให้ลูกชายคุณขึ้นเป็นประธานบริษัทแทนคุณได้ หรือเขียนเป็นจำนวนสัดส่วนหุ้นเพื่อแบ่งปันให้คนรักได้ผลประโยชน์ร่วมกับคุณด้วย จงกำหนดเป้าหมายในเรื่องนี้ด้วย เพราะครอบครัวและคนที่คุณรักก็เป็นส่วนที่ช่วยให้คุณประสบความสำเร็จจากการทำธุรกิจได้


5. เขียนแผนธุรกิจโดยเน้นถึงยอดขาย กำไร จำนวนลูกค้า ต้นทุนการผลิต ต้นทุนการตลาด เป็นหลัก

เมื่อคุณมีความตั้งใจแน่วแน่ มีเป้าหมาย เลือกประเภทของธุรกิจ ค้นหาสินค้าและบริการที่ต้องการเริ่มต้นทำธุรกิจได้แล้ว สิ่งที่ควรทำทันทีคือการเขียนแผนธุรกิจอย่างง่ายขึ้นมา วิธีการก็ง่ายๆ ดังนี้

ธุรกิจที่ต้องการทำ: ธุรกิจติดตั้งกล้องวงจรปิดภายในอาคาร

รูปแบบธุรกิจ: B2B บริษัทจำกัด เน้นการขายและติดตั้งกล้องให้กับบริษัทหรือหน่วยงานที่มีอาคารสำนักงาน

เหตุผล: มีความรู้ มีข้อมูล มีแหล่งกล้องที่ดี เชื่อถือได้ คิดว่างานติดกล้องภายในอาคารมีความจำเป็น

เป้าหมาย: ต้องการทำเป็นรูปแบบบริษัทที่มียอดขายประมาณ 20 ล้าน ในช่วง 3 ปีแรก

กำไร: ต้องการได้กำไรไม่ต่ำกว่า 30% จากยอดขาย (20ล้าน/30% = 6 ล้านบาท)

จำนวนลูกค้า: เน้นกลุ่มองค์กรที่มีอาคารสำนักงานและซีเรียสเรื่องความปลอดภัย แบ่งตามกลุ่มธุรกิจ เช่น

- ธุรกิจ Community Mall: กรุงเทพมี 20 กว่าแห่ง

- ธุรกิจร้านอาหารและห้องอาหาร: กรุงเทพมีมากกว่า 500 แห่ง

- ธุรกิจสถานบันเทิงยามค่ำคืน: มีเป็นร้อยกว่าแห่ง

- ธุรกิจสถานศึกษา: มีเป็นร้อย

- ธุรกิจโรงพยาบาล: มีเป็นสิบ

- จากเรื่องจำนวนลูกค้าจะทำให้คุณมีลีด (Lead) ที่เป็นไปได้และทำให้คุณประเมินจำนวนลูกค้าผู้มุ่งหวัง (Prospect) ได้คร่าวๆ จำนวนลูกค้าจะเป็นเม็ดเงินเข้าสู่กระเป๋าคุณได้อย่างแน่นอน

ต้นทุนการผลิต: ค่ากล้องวงจรปิด ค่าติดตั้ง ค่าอะไหล่ ค่าแรง ค่ารถ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าออฟฟิศ ค่าจ้าง ฯลฯ

ต้นทุนการตลาด: ค่าโฆษณาลงกูเกิ้ล ค่าทำโบรชัวร์ ค่าเอนเตอร์เทน ฯลฯ

สมมติว่าต้องการยอดขาย 20 ล้านบาท

- ขายกล้องวงจรปิด 1 งาน มีการติดกล้อง 10 ตัว มูลค่าประมาณ 20,000 บาท พร้อมค่าแรง

- คุณต้องหาลูกค้า = 20,000,000/20,000 = 1,000 ราย

ใ- น 1 ปี ถ้าคุณทำนัดได้วันละ 5 นัด ใน 1 เดือน ทำงานวันละ 20 วัน หัก เสาร์ อาทิตย์ คุณจะทำนัดได้ 1,200 นัด ต่อปี ถ้าทุกเจ้าที่เข้าไปขายซื้อคุณหมด คุณจะบรรลุ 20 ล้าน ภายใน 1 ปี แต่มันคงเป็นไปไม่ได้

- สมมติว่าค่าเฉลี่ยความสำเร็จที่ปิดการขายได้เท่ากับ 30% นั่นคือ เข้า 10 ราย ขายได้ 3 ราย ใน 1 ปี คุณเข้าพบลูกค้า 1,000 ราย คุณจะขายได้ 300 ราย ซึ่งยอดยังไม่ถึง 20 ล้าน

- คุณจะต้องหาลูกค้ามากถึง 3,300 ราย ถึงจะได้ลูกค้าประมาณ 1,000 ราย เพราะค่าเฉลี่ยที่ปิดได้คือ 30%

- คุณคงเหนื่อยเกินไป มีสองทางเลือกคือ 1 เพิ่มคุณภาพการปิดการขายให้ดีขึ้น กับ 2 จ้างเซลล์เพิ่มขึ้น

เห็นภาพกันแล้วว่าทุกอย่างมันเป็นไปได้ถ้าคุณเขียนตัวเลขกำกับ จากตัวอย่างจะเป็นการเขียนแผนธุรกิจอย่างง่าย โดยทุกข้อมีตัวเลขกำกับและวัดผล สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณมองเห็นความเป็นไปได้มากขึ้น


6. ประเมินความเสี่ยงทางธุรกิจให้รอบคอบ

ความเสี่ยงทางธุรกิจ เป็นสิ่งที่หลายๆ คนไม่ค่อยทำกัน คิดว่าง่าย มีเงินก็ทำได้ แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ เพราะความเสี่ยงที่คุณไม่ระวังและประมาทอาจทำให้คุณเจ๊งทันที จงเขียนออกมาว่ามีปัจจัยใดบ้างที่ทำให้คุณเสียเปรียบได้ ตัวอย่างเช่น

- คู่แข่ง

- สภาพอากาศ

- ธุรกิจของลูกค้า

- การเมือง

- สงคราม

- กฎหมาย

- หุ้นส่วนของคุณ

- คนในครอบครัว เช่น พ่อ แม่ ลูก เมีย

- สุขภาพของคุณและทีมงาน

- ภัยธรรมชาติ อุบัติเหตุ ภัยพิบัติต่างๆ

- ฯลฯ

ความเสี่ยงบางอย่าง เช่น สภาพอากาศแบบน้ำท่วมนานๆ อาจทำให้ธุรกิจของคุณเจ๊งได้เลย จงคิดเสมอว่าถ้าเจอเหตุการณ์แย่ๆ เข้ามา คุณจะวางแผนรับมือมันได้อย่างไร เช่น ออมเงินสำรองทางธุรกิจ ทำธุรกิจเสริมหลายๆ ทาง ทำประกันวินาศภัย ใช้บริการที่ปรึกษาทางการเงินและธุรกิจ เป็นต้น


7. ควบคุมต้นทุนให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

จงอย่าหมดเงินไปกับเรื่องไร้สาระและไม่ทำให้คุณได้เงิน เช่น การใช้จ่ายสุุรุ่ยสุร่าย การทำโฆษณาผิดกลุ่ม การจ้างพนักงานเข้ามามากเกินไป การสร้างออฟฟิศสวยงามโดยที่ไม่สามารถเพิ่มขีดความสามารถในการหาเงินเพิ่มได้ การลงทุนเกินตัว การบวกกำไรที่ไม่สัมพันธ์กับต้นทุนขาย เป็นต้น


หรือแม้แต่ต้นทุนด้านเวลา เช่น ใช้เวลามากเกินไป หมดเวลาไปกับเรื่องที่ไม่ก่อให้ได้เงิน เช่น งานเอกสาร งานภายใน งานหลังบ้าน เป็นต้น คุณมีเวลาทำงานวันละ 8 ชั่วโมง จงใช้มันให้มีประสิทธิภาพสูงสุด การโหมงานหนักมากไปก็ไม่ดี สุขภาพคุณอาจจะแย่ในภายหลังได้ หรือให้เวลากับธุรกิจน้อยไปก็ไม่ดี เพราะคุณจะตามไม่ทันคู่แข่ง ขาดกำลังสำคัญในการทำธุรกิจ เป็นต้น


8.ไม่ลืมว่า Digital Never Die

ในยุคแห่งเทคโนโลยีที่อะไรๆ ก็ซื้อง่ายขายคล่องบนโลกเสมือนจริง จนการตลาดออนไลน์เป็นอีกช่องทางสำคัญ หรืออาจจะเป็นช่องทางที่เกิดมาเพื่อผู้ที่อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองแต่ไม่มีทุน ดังนั้นหากใครมีไอเดียทำธุรกิจดีๆ แล้วล่ะก็ อย่าลืมนึกคิดแพลตฟอร์มนี้ด้วยล่ะ เพราะต้นทุนไม่สูงและมีโอกาสเข้าถึงลูกค้าได้ดี รวมทั้งใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลในการทำงาน ซึ่งจะที่ช่วยให้การทำธุรกิจง่ายขึ้น


9.มองหาทุนเริ่มต้นและทุนสำรอง

ทุนพร้อมหรือยัง ? เจ้าของธุรกิจบางคนเริ่มต้นจากการทำงานประจำ เก็บหอมรอมริบ หรือเริ่มจากอาชีพเสริมหลังเลิกงาน และบางคนอาจโชคดีที่มีเงินทุนตั้งต้นจากที่บ้าน แต่นอกจากทุนเริ่มต้นแล้ว ก็อย่าลืมนึกถึงทุนสำรอง เพราะมันเป็นแผนสองเผื่อเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมา หากใครอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองแต่ไม่มีทุนก็ควรเตรียมตัวมองหาทุนกู้ยืมให้ดี


10.คำถามสุดท้าย “พร้อมไหม”

หลังจากที่บรรดาผู้อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองคิดถึงการทำธุรกิจส่วนตัวและผ่านขั้นตอนด้านบนมาได้สักพัก ก็คงมีเสียงในจิตใจที่คอยกระซิบถามว่า พร้อมหรือไม่ คุณควรถามตัวเองให้ถี่ถ้วนและมั่นใจก่อนที่จะตัดสินใจเริ่มธุรกิจอย่างจริงจัง เพราะไม่มีใครรู้ดีไปกว่าตัวคุณแน่นอน


-----------------------------------------------------------------------------------

สนใจบริการดูแลการตลาดออนไลน์ | ทำการตลาดออนไลน์ | ทำกราฟฟิคครบวงจร | สามารถติดต่อเราได้ตลอด | รับสร้างแบรนด์ | รับทำการตลาดออนไลน์ | รับทำแผนการตลาดออนไลน์ | รับสร้างแบรนด์ | รับดูแล Facebook แฟนเพจ | รับดูแล LINE OA สามารถติดต่อเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง

รายละเอียดบริการดูแลการตลาดออนไลน์

ตัวอย่าง ผลงานแบรนด์ต่างๆ ที่เราดูแลการตลาดออนไลน์ให้

------------------------------------------------------------------------------------


💙ปรึกษาทีมงานของเรา💙

📱Tel : 0840104252 📱0947805680

สายด่วนออฟฟิศ : 034-900-165 , 02-297-0811 (จันทร์-ศุกร์)

┏━━━━━━━━━┓

📲 LINE: @chatstick

┗━━━━━━━━━┛

หรือคลิ๊ก https://goo.gl/KuzCpM

🎉รายละเอียดที่ http://www.chatstickmarket.com/langran

🎉ชมผลงานเราได้ที่ https://www.chatstickmarket.com/portfolio

แท็ก:

ดู 60 ครั้ง
CS_Redesign_คอนเทนต์เดิม2_2.png
CS_Redesign_คอนเทนต์เดิม3.png
Recent Posts
c24f0332fa3b87f8a304140403b893510_64100212_210625.jpg
244712625_300456528129611_2152723951836713111_n.jpg
5.png
4.png
Button Event สติกเกอร์.png
2.png
Button ChatStick Market.png
bottom of page